TRC - ถือ

TRC - ถือ

รายงานกำไร 2Q60 +QoQ +YoYแต่ปรับประมาณลงจาก APOT ล่าช้า

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

  • รายงานกำไร 2Q60 ที่ 71 ล้านบาทเติบโต 267%YoY และเติบโต 273%QoQ : รายได้จากการก่อสร้างปรับตัวลงสู่ระดับ 436 ล้านบาท ลดลง54%QoQ แต่ทรงตัวเมื่อเทียบเป็นรายปี โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากโครงการยืดอายุท่อก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 1 ของ PTT โครงการติดตั้งเครื่องจักรที่โรงงานยาสูบ และโครงการปรับปรุงท่อประปาเกาะสมุย ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นสู่ระดับ 38% จากระดับปกติที่ 20% เนื่องจากสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีกว่าที่ตั้งงบประมาณไว้ตอนเริ่มก่อสร้างส่งผลให้มีการบันทึกกำไรเข้ามาเพิ่มเติม ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารปรับตัวลง 61 ล้านบาทเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการบริหารปรับตัวลงตามปัจจัยฤดูกาล นอกจากนี้ใน 1Q60 มีรับรู้ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามากดดันเพิ่มเติม ส่งผลให้บริษัทรายงานกำไร 2Q60 ที่ 71 ล้านบาทเติบโต 267%YoY และเติบโต 273%QoQ และรายงานกำไร 1H60 ที่ 30 ล้านบาทลดลง 64%YoY ซึ่งคิดเป็นเพียง 6% ของประมาณการเดิมของเราที่ 523 ล้านบาท
  • ปรับลดประมาณการกำไรปี 60 และ 61 ลง 40% และ 49% ตามลำดับจาก APOT ล่าช้ากว่าแผน : ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการกำไรปี 60 และ 61 ลงจาก 523 ล้านบาทและ 674 ล้านบาท สู่ 310 ล้านบาท และ 338 ล้านบาทตามลำดับ โดยหักรายได้จากงานก่อสร้าง APOT ออกจากรายได้ก่อสร้างปี 60 และ 61 หลังล่าช้ามากว่า 2 ปี เนื่องจากผู้ถือหุ้นของ APOT ที่ยังไม่ได้ข้อสรุปในส่วนผู้ถือหุ้นแทนกระทรวงการคลัง แม้ว่าผู้บริหารคาดว่าจะได้เซ็นสัญญาก่อสร้างเดือนธ.ค.60 นี้ ส่งผลให้เราปรับลดรายได้ก่อสร้างปี 60 และ 61 จาก 8 พันล้านบาท และ 1 หมื่นล้านบาทลงเหลือ 3.9 พันล้านบาทและ 4.1 พันล้านบาท (หักมูลค่างานก่อสร้าง APOT ออก 4 พันล้านบาทและ 6 พันล้านบาทจากรายได้ก่อสร้างของประมาณการเดิมตามลำดับ)
  • พร้อมเข้าร่วมประมูลงานมูลค่าราว 1.62 หมื่นล้านบาท : บริษัทพร้อมเข้าร่วมประมูลงานสร้างโรงงานต่างๆ มูลค่าราว 1 พันล้านบาท และประมูลโครงการสร้างถนน ระบบท่อส่งน้ำประปา และระบบไฟฟ้ามูลค่าราว 6 พันล้านบาท  นอกจากนี้บริษัทและพันธมิตรได้เข้าร่วมประมูลงานท่อส่งก๊าซฯ เส้นที่ 5 ของ PTT มูลค่าราว 9.2 พันล้านบาท โดยบริษัทคาดหวังว่าจะได้งานสร้างโรงงานและโครงการสร้างถนน ระบบท่อส่งน้ำประปา และระบบไฟฟ้าราว 1.8 พันล้านบาท ซึ่งจะช่วยหนุน Backlog สู่ระดับ 7.6 พันล้านบาท ทั้งนี้ยังไม่รวม Backlog จากงาน APOT อีก 3.1 หมื่นล้านบาท และงานท่อก๊าซฯ เส้นที่ 5 ของ PTT มูลค่า 9.2 พันล้านบาทซึ่งคาดว่าจะประกาศผลราว 1Q61

ปรับคำแนะนำเหลือ “ถือ” พร้อมปรับลดราคาเหมาะสมลงสู่ 1.35 บาท: ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าด้วยวิธี Sum-of-the-parts ได้ราคาเหมาะสมของธุรกิจก่อสร้างที่ 0.79 บาทลดลงจากเดิมที่ 1.2 บาทต่อหุ้นเนื่องจากความล่าช้าในการลงนามสัญญาก่อสร้างกับ APOT อย่างไรก็ตามเราได้รวมมูลค่าของการลงทุนในเหมืองแร่โปแตชที่ 0.56 บาทเนื่องจากโครงการจะสามารถดำเนินการผลิตได้ในระยะยาว ส่งผลให้ได้ราคาเหมาะสมใหม่ลดลงจาก 1.53 บาทเหลือ 1.35 บาท ซึ่งใกล้เคียงกับราคาปิดล่าสุดจึงปรับคำแนะนำลงจาก “ซื้อ” เหลือ “ถือ”