MORNING CALL ACTION NOTES (29 ส.ค.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (29 ส.ค.60)

เกาหนีเหนือยิงอีกแล้ว

ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นนำโดยหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นที่ราคา laggard หลังส่วนต่างน้ำมันเบนซินปรับตัวขึ้นจากพายุฮาร์วีย์พัดถล่มแหล่งผลิตน้ำมันของสหรัฐ ช่วยหนุนให้ดัชนีปิดปรับตัวขึ้นที่ 1,585.79 จุด (+9.94 จุด)  Vol. 3.9 หมื่นลบ. โดย Foreign Net -1,925 ลบ.  TFEX Net +16,993 สัญญา ตราสารหนี้ –1,535 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

- ตลาดหุ้นเอเชียและ DJF ปรับตัวลง จากความกังวลเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธหลายลูกข้ามญี่ปุ่นก่อนไปตกในมหาสมุทรแปซิฟิกในช่วงเช้านี้

- ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงจากความกังวลการแข็งค่าของเงินยูโรอาจส่งผลกระทบต่อผลกำไรของบริษัทส่งออกในยุโรป

+/- ตลาดหุ้น DJ  อ่อนตัวลงจากผลกระทบพายุเฮอร์ริเคน "ฮาร์วีย์"ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมหนัก และสร้างความเสียหายต่อพื้นที่ประสบภัยหลายแห่ง

- ราคาน้ำมันปรับตัวลงล่าสุด 46.8 US/Barrel หลังความรุนแรงของพายุเฮอร์ริเคน "ฮาร์วีย์" ได้ส่งผลให้โรงกลั่นหลายแห่งในรัฐเท็กซัสต้องปิดดำเนินงานและส่งผลกระทบต่อการผลิตเชื้อเพลิง

+ เฟดสาขาดัลลัส เปิดเผยว่ ดัชนีภาคการผลิตขยับตัวลงสู่ระดับ 20.3  ในเดือนส.ค. จากระดับ 22.8 ในเดือนก.ค.

+/- Foreign ยังเป็น Net Sell ต่อเนื่อง 6 วันราว 8 พันลบ. และตั้งแต่ต้นเดือนส.ค. เป็น Net Sell 1.1 หมื่นลบ. แต่เป็น Net Long TFEX 6 วันต่อเนื่อง 8.2 หมื่นสัญญา ส่วนเงินบาททรงตัวล่าสุด 33.2 Bath/USD.

** 31 ส.ค. ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

ภาวะตลาดหุ้นไทยได้รับแรงกดดันจากความกังวลสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี , ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงจากความรุนแรงพายุฮาร์วีย์ รวมถึง Fund Flow ต่างชาติที่ขายติดต่อกันตั้งแต่ต้นเดือนส.ค.ราว 1.1 หมื่นลบ.   ดังนั้นประเมินว่า SET จะอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับ 1,575 - 1,580 จุดก่อนจะมี Technical Rebound ระหว่างวัน

กลยุทธ์การลงทุน   Selective Buy  

- กลุ่มรับเหมา ประมูลรถไฟรางคู่ 3 เส้นทางมูลค่าราว 5.5 หมื่นลบ.ในช่วง 2 สัปดาห์ (1  4 5 และ 7  ก.ย.)

- BANPU ราคาถ่านหินทรงตัวในระดับสูง 97.6 US/Ton

- PDI ราคาสังกะสีทรงตัวในระดับสูงล่าสุด 3,122 US/Ton

- กลุ่มโรงกลั่น ค่าการกลั่นทรงตัวระดับสูงราว 7 US/Barrel ตามราคาน้ำมันเบนซินดีดตัวขึ้นแรง

 

หุ้นแนะนำพิเศษ   

CPN (ราคาปิด 68.75 ซื้อ ราคาเหมาะสม 75 บาท)

Ø  ได้รับประโยชน์เนื่องจากวานนี้ที่ประชุมผู้ถือหน่วยลงทุน CPNRF มีมติอนุมัติการแปลงเป็น CPN REIT อัตราการแปลง 1:1 รวมทั้งอนุมัติลงทุนในสินทรัพย์เพิ่มเติมได้แก่เซ็นทรัลสาขาพัทยาในส่วนของพื้นที่เช่าบางส่วนและโรงแรมฮิลตันมูลค่ารวม 11,908 ลบ. (ราคาประเมิน 10,423 ลบ. และ 10,610 ลบ.)คาดกระบวนการจะเสร็จสิ้นในเดือนธ.ค.60  ช่วยปลดล็อคในการลงทุนสินทรัพย์เพิ่มเติมในอนาคตเพื่อรักษาระดับ yield ในระยะยาวได้ 

Ø  กำไรในช่วง 1H60 เท่ากับ 5,259 ลบ. +12%YoY คิดเป็น 55% ของประมาณการกำไรปี 60 ที่ราว 9.54 พันลบ.เติบโต 3%YoY ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการตามเดิมเนื่องจากกำไร 2H60 มีแนวโน้มต่ำกว่า 1H60 จากการปรับปรุงพื้นที่สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ที่เสร็จล่าช้ากว่าแผนจากเดิมโดยปลายปีนี้จะเสร็จเพียง 70% ส่วนที่เหลือแล้วเสร็จภายใน 1Q61 ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้ราว 1% ขณะที่คาดกำไรปี 61 จะเติบโตโดดเด่นราว 20% จากการรับรู้รายได้โอนคอนโดฯมูลค่ารวมราว 3 พันลบ.ที่จะเพิ่มเข้ามาเป็นปีแรก โดยฝ่ายวิจัยยังมีมุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวที่ผลการดำเนินงานมีศักยภาพในการเติบโตต่อเนื่อง

หุ้นมีข่าว 

Ø  KBANK รุกธุรกิจแบงก์ต่างประเทศ ทุ่ม 20 ล้านดอลลาร์ เข้าถือหุ้นแมสเปี้ยนแบงก์ของอินโดนีเซียในสัดส่วน 9.99% พร้อมเตรียมเปิดตัวการเป็นธนาคารท้องถิ่นในจีนเดือนธ.ค.นี้ เผยยุทธศาสตร์จะพยายามเข้าไปในอาเซียนบวก 3 ให้มากที่สุด (กรุงเทพธุรกิจ)

Ø  ACAP เซ็นเอ็มโอยูปล่อยกู้โรงงานผลิตน้ำมันปาล์มในเครือโกลบอลกรีน เคมิคอล คาดปีนี้ไม่ต่ำกว่า 1.2 พันล้านบาท ล่าสุดปล่อยแล้ว 400 ล้านบาท นาน 5 ปี ดันยอดสินเชื่อทะลุเกิน 6 พันล้านบาท มั่นใจไตรมาส 3 และ 4 โตต่อเนื่อง (ข่าวหุ้น)

Ø  GL ได้รับคืนเงินกู้ล่วงหน้าบางส่วนจากกลุ่มไซปรัส 13.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 436,948,675 บาท) และดอกเบี้ยค้างรับอีกจำนวน 489,158 ดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 16,270,324 บาท) ช่วยรักษาสัดส่วนระหว่างเงินกู้ยืมและหลักประกันอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เล็งขยายธุรกิจเจาะฐานเมียนมา (ทันหุ้น)

Ø  ETE (ราคาปิด 3.18 ซื้อ ราคาเหมาะสม 5.06)   ชี้แจงไม่มีแผนออก "ตั๋วบี/อี" ระบุข้อมูลที่ส่งต่อทางสื่อโซเชียล คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ยืนยันไม่ชะลอรับงาน เดินหน้าประมูลต่อเนื่อง กอด Backlog แน่น 4,212.33 ล้านบาท ดันรายได้ปีนี้โต 20-30% (ที่มาทันหุ้น)    

Ø  ความเห็น รายงานกำไร 1H60 26 ล้านบาทคิดเป็น 43% ของประมาณการซึ่งเรายังคงมีมุมมองบวกต่อผลประกอบการใน 2H60 เนื่องจากมี backlog ในมืออีกกว่า 1.1 พันล้านบาท และยังคงรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้า Solar 16.45 MW คอยหนุนกำไรปี 60 ซึ่งเราคาดว่าอยู่ที่ราว 61 ล้านบาทเติบโต 97%YoY

Ø  TM (ราคาปิด 3.08 ซื้อ ราคาเหมาะสม 3.78)   ปรับเพิ่มเป้ารายได้แตะ 630 ล้านบาท จากเดิม 600 ล้านบาท เชื่อครึ่งปีหลังออเดอร์ไหลเข้าเพียบ ชี้ ต.ค.นี้มีงบด้านการแพทย์ภาครัฐกว่า 2 แสนล้านบาท ใส่เกียร์เดินหน้าขยายโปรดักต์ใหม่ พร้อมลุยขายเครื่องมือปอดเทียม ล่าสุดคว้างานมูลค่า 40-50 ล้านบาท (ที่มาทันหุ้น)    

Ø  ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อ TM เนื่องจากสามารถรักษาการเติบโตของยอดขายได้ที่ระดับ 8%YoY ซึ่งใกล้เคียงกับที่เราประมาณการไว้ที่ 8-10% ต่อปี ทั้งนี้เราคงประมาณการกำไรปี 60 ที่ 38 ล้านบาท +42%YoY เพราะบริษัทเริ่มทำสัญญาใหม่กับคู่ค้าทำให้อัตรากำไรข้นปรับตัวขึ้น ที่อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทปรับตัวขึ้นซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อผลประกอบการ

Ø  ECF(ราคาปิด 4.34 ซื้อ ราคาเหมาะสม 5.06)   แจ้ง IFEC เบี้ยวหนี้เงินกู้ระยะสั้น 50 ล้านบาท ยันยังไร้ข้อสรุปเข้าซื้อโรงไฟฟ้าชีวมวล IFEC ขยายเวลาจ่ายหนี้เป็นครั้งที่ 3 ให้ถึงวันที่ 26 ธ.ค.60 พร้อมทวงดอกเบี้ยคงค้างชำระ 1.27 ล้านบาท(ที่มาข่าวหุ้น)   

Ø   (+)BANPU (ราคาปิด 17.40 Bloomberg Consensus 21.79) เปิดตัวธุรกิจเป็นผู้ให้บริการวางระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ครบวงจร ที่ติดตั้งบนหลังคา หรือโซลาร์รูฟท็อป เจาะกลุ่มรีสอร์ตและปั๊มน้ำมัน คาดปีนี้เริ่มรับรู้รายได้ 20 เมกะวัตต์ และปีหน้า 80 เมกะวัตต์ ตั้งเป้า 5 ปี เพิ่มเป็น 300 เมกะวัตต์ เพิ่มสัดส่วนรายได้ในบ้านปูเป็น 5-10% ด้าน ซัสโก้ หนึ่งในลูกค้า มองช่วยประหยัดต้นทุนพลังงาน 10% (ที่มาทันหุ้น)    

Ø  ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อการขยายไปยังธุรกิจ solar เพิ่มเติมเนื่องจากเพื่อลดความผันผวนของธุรกิจถ่านหิน นอกจากนี้ยังทำให้รายได้และกำไรมีความสม่ำเสมอในระยะยาว โดยการลงทุนในระยะเริ่มต้นจะยังไม่ส่งผลต่อผลประกอบการของ BANPU มากนักเนื่องจากบริษัทมีฐานกำไรที่สูงเกือบหมื่นล้านบาท

Ø   (-) IVL (ราคาปิด 38.25  Bloomberg Consensus 43.34) ปิดรง.ที่รัฐเท็กซัส ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเอทิลีนออกไซด์ และเอทิลีนไกลโคล (EO/EG) (เพื่อไปผลิตสาร MEG) ตั้งแต่ 27 ส.ค.เพื่อความปลอดภัย แม้ไม่ได้รับผลกระทบร้ายแรงจาก"ฮาร์วีย์"

Ø  (+)BTSGIF (ราคาปิด 11.30  Bloomberg Consensus 11.73)  ปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้า BTS อีก 1-3 บาท/เที่ยว มีผล 1 ต.ค.60 หลังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง (ที่มาอินโฟเควสท์)    

THE Analyst Meeting

  • บริษัทดำเนินธุรกิจซื้อมาขายไป (trading) เหล็กรีดร้อน และแปรรูปเหล็กรีดร้อนให้เป็นเหล็กม้วนสลิต ท่อเหล็กดำ ฯลฯ โดยมีกำลังการผลิตประมาณ 3 แสนตันต่อปี โดยในปัจจุบันบริษัทได้รับผลบวกจากราคาเหล็กรีดร้อนที่ปรับตัวขึ้น 6% จากปลายเดือนมิ.ย.สู่ระดับ 621 ดอลลาร์ต่อตัน ทำให้อาจมีกำไรจากการขายเหล็กที่มีต้นทุนต่ำ
  • ในอนาคตมี upside จากการนำบริษัท ไพร์ม สตีล (THE ถือหุ้น 50%) ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตเหล็กรีดร้อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
  • ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อ THE ที่คาดว่าจะได้ผลบวกจากราคาเหล็กรีดร้อนที่ปรับตัวขึ้นตามราคาเหล็กโลกหลังจีนได้ทยอยปิดโรงงานผลิตเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานเพื่อลดปัญหามลพิษ โดยควรติดตามราคาเหล็กโลก ราคาเหล็กรีดร้อน และนโยบายการปิดโรงงานของจีน (ราคาเหล็กปรับตัวขึ้นส่งผลดีต่อ THE)

PACE Analyst Meeting

  • ผู้บริหารเชื่อว่าอัตราส่วน D/E ปลายปีนี้จะลดลงจากระดับ 4.38 เท่า ณ ปลายมิ.ย. จาก backlog ที่จะโอนในช่วง 2H60 ราว 5 พันลบ.และนำเงินมาชำระคืนหนี้ ในส่วนของร้านดีนแอนด์เดลูก้ามีแผนเปิดตลาดใหม่ในสหรัฐฯและยุโรปโดยอาศัย partnership ซึ่งบริษัทคาดว่าจะมีการระดมทุนราว 80-100 ล้านดอลลาร์ เพื่อนำมาใช้ขยายกิจการตามแผนดังกล่าว
  • ผู้บริหารชี้แจงว่างบการเงิน 2Q60 อยู่ระหว่างการตรวจสอบของกลต.เพื่อรอการปลดเครื่องหมาย NP การที่ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นเป็นปัญหาทางเทคนิคเนื่องจากไม่เคยมีธุรกิจประเภทเดียวกันนี้(จุดชมวิว)ในประเทศไทย
  • ความเห็น ฝ่ายวิจัยยังคงแนะนำนักลงทุนให้ระมัดระวังในการเข้าลงทุนระยะยาวเนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับงบการเงิน 2Q60 ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยก.ล.ต.ว่าจะต้องแก้ไขหรือไม่ ทั้งนี้ หากแผนการโอนคอนโดมหานครและบ้านพักตากอากาศมหาสมุทรเป็นไปตามแผน รวมทั้งการเปิดบริการจุดชมวิวได้ตามแผนใน 1Q61 และเป็นไปตามสมมติฐานในการจัดทำประมาณการรายได้จะช่วยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานและสถานะการเงินปรับดีขึ้น โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของการลงทุนในธุรกิจอาหาร "Dean & Deluga” ในเรื่องผลการดำเนินงานและการตอบรับจากตลาด และการระดมทุน