"โมโตจีพี" ครั้งแรกในไทยไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ (คลิปข่าว)

 "โมโตจีพี" ครั้งแรกในไทยไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ (คลิปข่าว)

ถึงรัฐบาลจะหนุนให้เกิดแต่อาจจะต้องสะดุดถ้าภาคเอกชนไม่จับมือกัน

ตอกย้ำถึงการที่รัฐบาลให้การสนับสนุนการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์นานาชาติ “รายการ โมโตจีพี” รายการที่ถือว่าเป็นที่สุดของการแข่งขันรถรถจักรยานยนต์ โดยท่านรองนายกรัฐมนตรี พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร พร้อมคณะประกอบด้วย นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย นายสกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เดินทางมาตรวจเยี่ยมถึง สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และ จังหวัดบุรีรัมย์ ว่ามีความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน "โมโตจีพี" ในปี 2018-2020 โดยมี นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และทุกภาคส่วนของจังหวัดมาให้การต้อนรับ พร้อมประชุมความพร้อมถึงการเปิดภาคอีสานเพื่อการ สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวมหาศาลเข้าสู่ประเทศไทยในขนาดที่มีการจัดแข่งขันรถจักรยานยนต์นานาชาติ “รายการ โมโตจีพี” ตลอด 3 ปีข้างหน้า

สำหรับการเดินทางเยือน จ.บุรีรัมย์ ครั้งนี้ พลเอกธนะศักดิ์ พร้อมคณะได้เข้ารับฟังข้อมูลต่างๆ ของสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จาก นายเนวิน ชิดชอบ ประธาน บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด และนายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด พร้อมเยี่ยมชมห้องควบคุมการแข่งขันที่ทันสมัยที่สุดในโลก รวมถึงส่วนต่างๆ ที่มีความสำคัญต่อการจัดการแข่งขัน ก่อนจะนั่งรถบัสลงทัวร์รอบสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และยังตรวจดูถึงความปลอดภัยบริเวณสนามแข่งขันอีกด้วย


นายเนวิน ชิดชอบ ประธาน บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด ได้กล่าวในที่ประชุมว่า “ผมไม่ต้องการขายบุรีรัมย์แต่ต้องการขายประเทศไทย และช่วยให้ประชาชนสามารถสร้างรายได้เพิ่ม และตั้งเป้าไม่เกินสิบปี จะมีนักท่องเที่ยว์หกล้านคนในเมืองบุรีรัมย์ให้ได้ด้วยทุกวิถีทาง และได้ยกสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ให้รัฐบาลไปดำเนินการใช้ในการแข่งขันโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย อยากให้ทางรัฐบาลช่วยขอบคุณทางภาคเอกชนที่รวมกันช่วยสนับสนุน ค่าสิทธิเพิ่มอีกหนึ่งร้อยล้านบาทในการจัดและทางสนามยอมให้มีผู้สนับสนุนที่เหมือนกันเข้ามาในสนามได้เพื่อประเทศไทย แต่ข้อกังวลสุดท้ายที่ต้องทำความเข้าใจกับทาง Dorna Sports (ดอร์น่า สปอร์ต) ผู้จัดการแข่งขันโมโตจีพี ที่ขอให้ทาง กกท. ไปคุยกับทางค่ายเอกชนรายหนึ่งที่เป็นสปอร์เซอร์เรื่องของป้ายชื่อสนาม จะมาแข่งขันได้ต้องเอาชื่อตรงป้ายสนามตรงกริดสตารท์ออกนั้น ซึ่งเป็นชื่อสนามที่สนับสนุนมาตั้งแต่แรก อยากวอนให้รัฐช่วยไปพูดคุยว่าต่างคนต่างถอยให้หน่อยเพื่อประเทศชาติ และคิดว่าสุดท้ายสปอน์เซอร์ ของสนามก็คงจะยอมถอยให้ แต่อยากให้คิดถึงประเทศก่อน และคนเป็นพันล้านจะได้รู้จักประเทศไทยสร้างประวัติศาสตร์นี้เกิดขึ้นได้

พลเอกธนะศักดิ์ เปิดเผยว่า “ที่มาวันนี้มาขอบคุณชาวบุรีรัมย์และทางสนามที่ให้การสนับสนุนจนเราติดต่อได้ถ้าเราไม่มั่นใจเราไม่ไป ผมมั่นใจตรงนี้อยากมาขอบคุณด้วยตัวเอง ยิ่งได้มาเห็นกับตายิ่งมั่นใจในศักยภาพของสนามช้าง และจังหวัดบุรีรัมย์ ถ้าโมโตจีพี มาเรามีแต่ได้ผลประโยชน์สู่ประเทศ จากการลงลงทุนที่ไม่สูงเลย แต่ได้ทั้งชื่อเสียงและเม็ดเงินเข้าประเทศ นอกจากนี้ยังช่วยกระจาย รายได้ให้ประชาชน จากการนำนักท่องเที่ยวมาสู่ประเทศไทยนับแสนคน และจากการถ่ายทอดสดจะทำให้คนทั่วโลกกว่า 600 ล้านคน ได้เห็นศักยภาพของประเทศไทย และผมภูมิใจที่เมืองไทยมีสนามแข่งขัน”

ขณะเดียวกัน รองนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ที่มาวันนี้มีสองเหตุผล โดยเหตุผลแรกมาคิกออฟอย่างเป็นทางการ ว่าเราเตรียมการอย่างจริงจังเปิดตัวเตรียมความพร้อม เหตุผลที่สองและมาขอบคุณสนาม ที่สนามให้การสนับสนุนเรา และความพร้อมของสนามที่สมบูรณ์แบบ และภูมิใจที่เมืองไทยมีสนามที่มีชื่อเสียง”

นายเนวิน ชิดชอบ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ขอแสดงความดีใจกับคนไทย ที่เราจะได้เป็นเจ้าภาพจัดเรซที่เป็นเบอร์ 1 ของโลก แล้วก็จะนำมาซึ่งการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ การท่องเที่ยวของประเทศไทยเป็นหมื่นล้านในการเป็นเจ้าภาพการจัด โมโตจีพี
ก็ต้องถือว่าเป็นรัฐบาลเดียวในโลกที่มีความชาญฉลาด แล้วก็ใช้งบประมาณน้อยที่สุดในการเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันอีเวนต์ระดับโลก ที่ใดๆ ในโลกรัฐบาลต้องสร้างสนามเอง ต้องจ่ายเงินทั้งหมดสำหรับเซ็นค่าลิขสิทธิ์อีเวนต์การแข่งขันเอง แต่ประเทศนี้เป็นประเทศเดียว ที่เอกชน ต้องสร้างสนามเองทั้งหมดดยรัฐไม่ต้องมาออกงบประมาณ แถมยังตอนไปเซ็นสิทธิ์ กลายเป็นรัฐจ่ายเงินแค่หนึ่งในสาม แล้วที่เหลือเอกชนต้องมาช่วยกันเพื่อให้เกิดเรซนี้ เพราะฉะนั้นโดยนโยบายและด้วยวิธีคิดก็ถือเป็นรัฐบาลเดียวในโลกที่สามารถทำได้ ประเทศอื่นคงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ที่จะทำให้เอกชน มารวมกันเสียตังค์ให้กับรัฐบาลครับ"

การเป็นเจ้าภาพการแข่งขันครั้งนี้ของประเทศไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่นั้น คงต้องขึ้นกับภาคเอกชนว่าจะมีใครยอมถอยกันคนละก้าว แต่ถ้าไม่มีใครถอยสุดท้ายประเทศไทยจะเสียผลประโยชน์มากน้อยจากการไม่ได้จัดการแข่งขันนี้หรือไม่....