The Beguiled เมื่อสัญชาติญาณดิบของผู้หญิงถูกปลุกเร้า

The Beguiled เมื่อสัญชาติญาณดิบของผู้หญิงถูกปลุกเร้า

The Beguiled เป็นหนังดีแห่งปีที่ไม่ควรจะพลาดด้วยประการทั้งปวง มาดูผู้กำกับหญิงคนเก่ง "โซเฟีย คอปโปลา" ทั้งเขียนบทและกำกับหนังที่คุณจะได้เข้าถึงเบื้องลึกแห่งความเป็นผู้หญิงกัน

คอลัมน์:     ส่องโลกมายา

 

คุณเคยมีความรู้สึกกับอะไรบางอย่างที่งดงาม แต่พอดู ๆ ไปแล้วทำไมถึงรู้สึกว่ามันน่าขนลุกรึเปล่า

นั่นคือความรู้สึกหลังจากได้ดู The Beguiled เล่ห์ลวง พิศวาส ปรารถนา ภาพยนตร์สุดละเมียดละไม ผลงานของผู้กำกับหญิงคนเก่ง โซเฟีย คอปโปลา ที่เพิ่งคว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมไปครองจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จากหนังเรื่องนี้นี่แหละ

TB_INTL_TSR_DGTL_1_SHT_OV

The Beguiled เป็นเรื่องราวของผู้หญิงที่ใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนประจำหญิงล้วน Farnsworth ช่วงที่สงครามกลางเมืองระหว่างฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ของสหรัฐกำลังร้อนระอุ (หนังสื่อถึงด้วยเสียงปืนใหญ่ที่ดังมาให้ได้ยินเป็นระยะ ๆ ภาพขอบฟ้ามีกลุ่มควันลอยขึ้นมาให้เห็นไกล ๆ กับทหารแวะมาหาที่บ้านสองสามครั้งเท่านั้น) แต่ส่วนใหญ่แล้ว โลกของพวกเธอสงบนิ่งราวกับหลุดออกมาจากสภาพความเป็นจริงรอบตัว เพราะเรายังเห็นพวกเธอแต่งตัวสวยงาม เรียนภาษาฝรั่งเศส เรียนคัดลายมือ เล่นดนตรี สวดมนต์ รับประทานอาหารค่ำบนโต๊ะที่จัดอย่างสวยงามทั้งที่เป็นช่วงสงคราม

The-Beguiled-1-1200x600-c-default

TB07

ทว่า โลกที่คุณครูใหญ่ “มิสมาร์ธา” (นิโคล คิดแมน) พยายามรักษาเอาไว้ให้งดงามราวภาพฝันกลับต้องแปดเปื้อน เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมหลุดเข้ามาในโลกของพวกเธอแล้วทำให้ผู้หญิงทุกคนในโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นเด็กสาว หรือผู้หญิงที่โตเต็มวัยแล้วแต่ไม่ประสีประสาต่อผู้คน และโลกภายนอก ถูกสัญชาติญาณทางเพศปลุกเร้าให้แสดงด้านมืดออกมา

สิ่งแปลกปลอมที่ว่าคือ “สิบโท จอห์น แมคเบอร์นีย์” (โคลิน ฟาร์เรลล์) ทหารฝ่ายศัตรูแตกทัพบาดเจ็บหนักที่ “เอมี่” (อูนา ลอว์เรนซ์) นักเรียนคนหนึ่งไปเจอเข้าตอนออกไปเก็บเห็ดในป่า จึงพาตัวมาให้ครูรักษาที่โรงเรียน การมาถึงของเขาทำให้ผู้หญิงที่เคยถูกพร่ำสอนให้เป็นกุลสตรีมาตลอดลุกขึ้นมาแหกกฎกันถ้วนหน้าเพราะถูกสัญชาติญาณทางเพศในตัวปลุกเร้า

TB02

TB04

ความสนุกของหนังเรื่องนี้อยู่ตรงที่โซเฟีย คอปโปลานำเสนอเรื่องราวออกมาได้อย่างละเมียดละไม นอกจากงานด้านภาพที่งดงาม ประณีต ราวกับภาพวาดของจิตรกรแล้ว (ตั้งแต่ภาพอุโมงค์ต้นไม้ตอนเปิดเรื่องไปจนถึงภาพสาว ๆ ตากผ้า ฯลฯ) โซเฟียยังทำให้เราค่อย ๆ รับรู้ถึงนิสัยใจคอของตัวละครแต่ละตัวอย่างมีชั้นเชิง ไม่ได้ประกาศออกมาแบบโต้ง ๆ แต่ทำให้เรารู้สึกได้เองว่าใครเป็นยังไง

จะว่าไปแล้ว การชม The Beguiled ก็เปรียบเหมือนการได้ไปนั่งฟังดนตรีคลาสสิกที่ค่อย ๆ โหมโรงด้วยความไพเราะ ละเมียดละไม ก่อนที่บทเพลงจะค่อย ๆ ทวีความเข้มข้น แล้วระเบิดความรุนแรงออกมาในช่วงพีค ก่อนที่จะกลับไปบรรเลงอย่างแผ่วพริ้วจนจบบทเพลง

ในตอนแรก The Beguiled จะหลอกล่อให้คนดูซึมซาบไปกับความงามของธรรมชาติ บรรยากาศแบบย้อนยุคในปี ค.ศ. 1864 ก่อนที่จะทำให้หัวเราะกันลั่นโรงเมื่อ “เก็ต” ไปกับการ “อ่อยผู้ชายแบบเงียบ ๆ ” ของผู้หญิงแต่ละคนในเรื่อง แล้วมาอึ้งด้วยความตกใจ และลุ้นระทึกไปกับเหตุการณ์ช่วงท้าย ๆ ว่าจะลงเอยอย่างไร

เท่าที่สังเกตมาในโรง ฉากที่คนดูฮากันเกรียวก็เป็นตอนที่สาว ๆ แวะเวียนกันไป “พรีเซนต์ตัวเอง” กับจอห์นที่นอนบาดเจ็บอยู่บนเตียงโดยหาข้ออ้างเข้าไปกันแบบเนียน ๆ ฉากที่ทุกคน “จัดเต็ม” ให้ตัวเองดูดีที่สุดบนโต๊ะอาหารค่ำเมื่อคุณครูใหญ่เชิญนายทหารรูปหล่อมาดินเนอร์ด้วย แล้วก็การจิกกันทางคำพูด และสายตาของสาวน้อยที่เราเคยหลงคิดกันว่าสวยงามน่ารัก

ด้วยความที่ The Beguiled มีตัวละครอยู่น้อยมาก คือ ผู้หญิง 7 คน (ครู 2 นักเรียน 5) กับทหารแตกทัพคนเดียวเท่านั้น เลยทำให้คนดูจดจำตัวละครได้แม่นยำ จับอารมณ์ ความรู้สึกเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่บ่งบอกนิสัยใจคอของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี อย่างเช่น คนนี้เป็นเด็กใส ๆ รักธรรมชาติ คนนี้เกลียดทหารฝ่ายศัตรูอย่างรุนแรง คนนี้จริตเยอะ คนนี้เก็บกด ไม่กล้าแสดงออก คนนี้พยายามหักห้ามความรู้สึกของตัวเองอยู่ ฯลฯ เลยพลอยให้การติดตามเรื่องราวไปเรื่อย ๆ ทั้งสนุก น่าตื่นเต้น และลุ้นระทึก

The Beguiled เมื่อสัญชาติญาณดิบของผู้หญิงถูกปลุกเร้า

TB03

พูดถึงแต่สาว ๆ จนหลายคนอาจเข้าใจพวกเธอผิด จะบอกว่าผู้ชายคนเดียวของเรื่องก็ไม่ใช่ย่อยเหมือนกัน ครบสูตร “เล่ห์ลวง พิศวาส ปรารถนา” แบบชื่อหนังเปี๊ยบ เพราะนายทหารบาดเจ็บคนนี้มีความหลงตัวเองเข้าขั้นรุนแรง พยายามโปรยเสน่ห์ใส่ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่เด็กสาวที่ไม่ประสีประสาต่อโลกเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง สุดท้ายแล้วผลที่เขาได้รับจะเป็นอย่างไร ต้องไปติดตามดูกันเอาเอง

screen-shot-2017-03-29-at-4-08-11-pm

จะบอกว่าพอดูหนังจบ ด้วยความอิน ฉันเลยไปตามอ่านข้อมูล และนั่งดูคลิปบทสัมภาษณ์ผู้กำกับ และนักแสดงในเรื่องแล้วก็เห็นด้วยกับ โคลิน ฟาร์เรล ที่บอกว่า The Beguiled เป็นหนังที่งดงาม และเต็มไปด้วยสุนทรียภาพมากที่สุดเท่าที่เขาเคยเล่นมา เหมือนกันว่าโซเฟียมีภาพทุกเฟรมอยู่ในหัวของเธอมาก่อนแล้ว

ส่วนเหตุการณ์สุดพีคช่วงท้ายเรื่องซึ่งจบลงด้วยภาพสาว ๆ นั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวแล้วมองตรงมาพร้อมกับมีรอยยิ้มน้อย ๆ แต้มริมฝีปาก ก็ทำให้ฉันเกิดความรู้สึกขนลุก แล้วแว่บคิดไปถึงสิ่งที่ “แอลล์ แฟนนิง” พูดเอาไว้ว่า “จริง ๆ แล้วพวกเธอก็ดูเหมือนแม่มดเหมือนกันนะเนี่ย” (ฮา)

The Beguiled เมื่อสัญชาติญาณดิบของผู้หญิงถูกปลุกเร้า

the-beguiled-sofia-coppola

ถ้าจะให้นิยามภาพยนตร์เรื่อง The Beguiled ฉันขอยกเอาคำพูดของ โซเฟีย คอปโปลา มาเลยดีกว่า เพราะคิดว่ามันเป็นนิยามที่เหมาะสมที่สุดแล้ว นั่นก็คือ “มันเป็นหนังที่สวยงาม เปี่ยมด้วยศิลปะ น่าขนลุก และสนุก”

ใครยังไม่ได้ไปดูขอเชียร์สุดตัวให้รีบไปด่วน เพราะตอนนี้ The Beguiled มีฉายแบบจำกัดโรง ทำให้หาดูค่อนข้างยากอยู่สักหน่อย ถ้ามัวแต่ช้า อาจจะออกจากโรงไปเสียก่อน แล้วคุณจะอดดูหนังดี ๆ อีกเรื่องหนึ่งของปีนี้ไปอย่างน่าเสียดาย