CozyBid ‘ซื้อ-ขาย’ ดาวน์คอนโดแนวใหม่

CozyBid ‘ซื้อ-ขาย’ ดาวน์คอนโดแนวใหม่

CozyBid เว็บไซต์ซื้อขายดาวน์คอนโดออนไลน์ คล้ายกับตลาดหลักทรัพย์ สำหรับการทำ Bid-Offer สำหรับซื้อขายดาวน์คอนโดที่ต่อราคากันได้ทันที

ท่ามกลางการเกิดใหม่ของที่อยู่อาศัยคนเมืองที่ขยายตัวไม่หยุด ทำให้ 3 ผู้ร่วมก่อตั้ง CozyBid ประกอบด้วย ชวมาศ วินิจตรงจิตรMD & Co-Founder , ปริญญา นาคประเสริฐ Co-Founder และ ชวเมธ วินิจตรงจิตร CTO & Co-Founder มองถึงโอกาสของการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้การ “ซื้อ-ขาย” ดาวน์คอนโด ที่คึกคักอยู่แล้วนี้ให้ เป็นธรรม และสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น 

CozyBid เว็บไซต์ซื้อขายดาวน์คอนโดออนไลน์ คล้ายกับตลาดหลักทรัพย์ สำหรับการทำ Bid-Offer สำหรับซื้อขายดาวน์คอนโดที่ต่อราคากันได้ทันที

นอกจากการซื้อขายเกิดได้เร็วแล้ว ยังช่วยให้ทั้งสองฝ่าย “ผู้ซื้อ-ผู้ขาย” ได้ราคาดีที่สุดด้วย

“เราเป็นมาร์เก็ตเพลส ทั้งซื้อ-ขายดาวน์ ใบจองคอนโดในกรุงเทพฯ โดยเปลี่ยนจากออฟไลน์ เป็นออนไลน์ทั้งหมด เป็นการซื้อขายผ่านออนไลน์ ผ่านระบบ Bid -Offer เราเป็นเหมือนตลาดหุ้น ยกคอนโดมาซื้อขายบนแพลตฟอร์มนี้ เพื่อที่ทุกคนจะได้เห็นดีมานด์ ซัพพลาย ว่าอยู่ที่เท่าไหร่ ราคาที่ต้องการอยู่ที่เท่าไหร่

ทั้งยังสามารถต่อราคากันได้เลย ทำให้สะดวก และง่าย ไม่ต้องโทรศัพท์คุยกัน อีกทั้งเราดีไซน์ระบบให้ใช้ง่าย และปลอดภัย” ปริญญา นาคประเสริฐ กล่าว

ในหลักการ ระบบจะเปิดให้ตั้งระยะเวลาในการ Bid ได้ 3 วัน 7 วัน เมื่อเวลาผ่านไป ตัดสินใจว่าต้องการยกเลิกก็สามารถทำรายการยกเลิกได้

ขณะที่ในมุมของผู้ขายจะเห็นได้ว่า ราคาที่เสนอมานั้นขายได้เลย หรือ รอต่อไป เพื่อให้ได้ราคาที่ดีขึ้น

เรียกว่า ระบบถูกออกแบบมาให้แฟร์กับทั้งสองฝ่าย

จุดเริ่มต้นที่ทำให้ผู้ร่วมก่อตั้งทั้ง 3 คน นอกจากเรื่องโอกาสทางธุรกิจแล้ว อีกส่วนมาจากมุมมองและประสบการณ์ ตรงของแต่ละคนด้วย

ชวมาศ วินิจตรงจิตร ประสบการณ์ด้านเทรดเดอร์ และนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์อยู่เป็นทุนเดิมทำให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดจากการซื้อขายได้เป็นอย่างดี

ปริญญา นาคประเสริฐ จากพนักงานแบงก์ และลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่เจอมากับตัวเองเกี่ยวกับผิดข้อตกลงจากที่เคยดีลซื้อ-ขายกันเอาไว้

ขณะที่ ชวเมธ วินิจตรงจิตร วันนี้ทำงานอยู่ซิลิคอนวัลเลย์รับผิดชอบในส่วนของการพัฒนาระบบทั้งหมด

CozyBid เริ่มคุยกันในไอเดียตั้งต้นจนนำไปสู่การพัฒนาและพร้อมเปิดให้ใช้งานประมาณ 1 ปี โดยล่าสุดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา

“หลังจากคุยกันเรื่องไอเดีย เวลาส่วนใหญ่เวลาหมดไปการพัฒนาเว็บ ซึ่งทีมพัฒนา เป็นพี่ชาย อยู่ที่สหรัฐอเมริกา เป็นทีมงานจากซิลิคอนวัลเล่ย์ ที่ต้องใช้เวลากันค่อนข้างนาน เพราะระบบที่คิดเอาไว้ไม่ได้เป็นสิ่งที่ง่าย เพราะมีรายละเอียดต่างๆ ค่อนข้างมาก

อย่างเช่น คนที่ต้องการ Bid ระบบจะให้ใส่หมายเลขบัตรเครดิตคาร์ดเอาไว้ เมื่อ Bid ได้แล้วระบบจะทำการตัดค่ามัดจำ ซึ่งเป็นการช่วยสกรีนในระดับหนึ่ง กรณีคนที่เข้ามา Bid แล้วไม่เอา” ชวมาศ วินิจตรงจิตรกล่าว

สมมติราคาเต็ม ให้วางร้อยละ 0.3 ของราคาทรัพย์ เช่น 3 ล้าน ก็วาง 9,000 วางทั้งฝั่งคนซื้อ และคนขาย

โดยคนซื้อจะถูกตัด 9,000 คนขาย จะถูกตัด 9,000 กรณีที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเปลี่ยนใจจะต้องเสียค่ามัดจำให้กับอีกฝ่าย

ชวมาศ อธิบายเพิ่มเติม ในกรณีที่คนขายเปลี่ยนใจ คนซื้อก็ได้แค่เงินมัดจำคืน แล้วได้อีก 50% จากเงินวางร้อยละ 0.3 (อีกส่วน CozyBid จะคิดเป็นค่าจัดการและ Payment gateway)

แนวทางดังกล่าว ผู้บริหาร CozyBid มองว่าเป็นการแฟร์กับทั้งสองฝ่าย เพราะจากประสบการณ์ตรงสิ่งที่ผู้ซื้อต้องเจอเป็นส่วนใหญ่คือ การยกเลิกจากฝั่งผู้ขาย เปลี่ยนใจเนื่องจากได้ราคาที่ดีกว่าเดิม

“ส่วนใหญ่ที่เกิดๆ ขึ้น ผู้ซื้อไม่ได้สิทธิอะไร คนซื้อวางมัดจำ พอคนขายเปลี่ยนใจ คนซื้ออย่างมากก็ได้ค่ามัดจำคืน”

จุดเด่นของ CozyBid นอกจากการซื้อขายที่แฟร์กับทั้งผู้ซื้อและขาย อีกส่วนเป็นเรื่องของระบบที่พัฒนามาให้ง่ายทั้งการโพสต์และการค้นหา อย่างเช่น การเลือกโซน เลือก Floor และ Unit Plan ได้เลยแค่คลิกเดียว

อีกทั้ง เวลาที่คนขายโพสต์ ระบบจะใหัคนขายส่งเอกสารเข้ามา มีการ vertifyหน้าสัญญา เงินดาวน์ เงินที่ต้องผ่อนเอาไว้ เพื่อไม่ให้ผิดพลาดทุกอย่างจะเป็นสแตนดาร์ดทั้งหมด โดยข้อมูลโครงการทางเราจะดำเนินการจัดเก็บให้ ผู้โพสต์เพียงแค่โพสต์ข้อมูลห้อง ส่วนรายละเอียดอื่นๆ โครงการเราทำให้หมด เช่น โซน facilityของโครงการ

“เราทำ Data ให้ คนซื้อก็ง่าย คนโพสต์ก็ง่าย โดยเป็นการเซอร์วิสทั้งสองฝ่าย”

ด้าน ปริญญา กล่าวว่า CozyBid มีข้อมูลโครงการให้ เมื่อกดเข้าไปดูข้อมูลโปรเจ็คก็จะเห็นว่ามีห้องไหนที่ลิสต์อยู่บ้าง สามารถดูได้ว่าแต่ละห้อง แต่ละชั้นเป็นอย่างไร โดยระบบจะทำการจัดเก็บข้อมูลจากทุกโครงการที่ขายอยู่ในตลาดมาไว้ให้ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้ามาอ้างอิงข้อมูลตรงนี้ได้เลย"

หน่ึ่งในการทำงานที่นำไปสู่การสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ นอกจากเปิดแพลตฟอร์ม “ซื้อ-ขาย” ก็คือ  การทำมาร์เก็ตติ้งให้กับโครงการอสังหาริมทรัพย์

"ถ้าเรามีจำนวนห้องเยอะกว่านี้ สามารถเข้าดูได้เลยว่าแต่ละห้อง แต่ละชั้น เปรียบเทียบราคากันว่าเป็นอย่างไร กี่ห้องนอน ขนาดกี่ตารางเมตร และ ราคาBid/Offer เป็นเท่าไหร่

คนขายก็จะลงว่า ค่าธรรมเนียมเท่าไหร่ ข้อมูลห้องเป็นอย่างไร เพื่อที่คนเข้ามาทุกๆ ครั้งจะเกิดการเรียนรู้

ถัดมาเป็นข้อมูลโครงการ ข้อมูลห้อง แผนที่ โซน โดยที่คนซื้อไม่จำเป็นต้องโทรถาม อยู่ชั้นไหน ห้องหันไปทางทิศไหน เป็นต้น ทุกอย่างเป็นการทำให้ง่ายขึ้น โดยคนทั่วไปสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้เลย แต่ในกรณีต้องการ Bid ก็ต้องลึกไปอีกขั้น"

สิ่งที่ CozyBid สร้างขึ้น ผู้บริหารมองว่า สิ่งที่ต้องการคือ สร้างคอมมูนิตี้ และ วิธีการใหม่ขึ้นมาเพื่อให้การซื้่อขายดาวน์คอนโดทำได้ง่ายขึ้น 

อย่างไรก็ดี การเป็นเรื่องใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีอาจต้องใช้เวลาเรียนรู้ บางครั้งอาจจะต้องใช้เวลาในการอธิบาย เพราะเป็นเรื่องใหม่ ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน ซึ่งหนึ่งในแนวทางที่สร้างการเรียนรู้ได้เร็วมากขึ้นก็คือ การทำวิดีโอเพื่ออธิบายถึงคอนเซ็ปต์และวิธีการทำงาน 

ซึ่งเมื่อมองถึงภาพรวมของตลาดที่ คอนโดเกิดใหม่ อยู่ที่ประมาณ 60,000 ห้องต่อปี ราคาขายเฉลี่ยห้องละ 3.5 ล้าน (เฉพาะในกรุงเทพฯ) เชื่อว่าการเปลี่ยนมือจากการซื้อขายดาวน์คอนโดจะอยู่ที่ประมาณหมื่นล้านบาทขึ้น

นับเป็นโอกาสที่รออยู่ สำหรับ CozyBid ทั้งในฝั่งตลาดคนซื้อมาขาย และตลาดโครงการ