ตัดสินคดีประวัติศาสตร์จำนำข้าว หุ้นไทยไปทางไหน!!

ตัดสินคดีประวัติศาสตร์จำนำข้าว หุ้นไทยไปทางไหน!!

ตัดสินคดีประวัติศาสตร์จำนำข้าว หุ้นไทยไปทางไหน!!

25 สิงหาคม 2560 เวลา 9.00 น. ศาลฎีฎาแผนคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะการอ่านคำพิพากษาคดีสำคัญถึง 2 คดี คือ คดีทุจริตขายข้าวระหว่างรัฐต่อรัฐ จำเลย คือ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และพวกคดีที่สอง คือ คดีโครงการรับจำนำข้าว ซึ่ง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย เป็นจำเลยในฐานความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ระงับ ยับยั้ง ปล่อยให้เกิดการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวทุกขั้นตอน จนทำให้ประเทศได้รับความเสียหาย

คดีดังกล่าวนักลงทุนให้ความสนใจ เพราะกังวลว่า จะมีผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างไรต่อไป เพราะปัจจุบันหุ้นไทยยังเคลื่อนไหวค่อนข้างจำกัด ไม่พ้น 1,600 จุด ทั้งที่มีสัญญาณว่าเศรษฐกิจดีขึ้น ทั้งตัวเลขการส่งออกที่โต 8 % จำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นในรอบ 7 เดือน บวก 5-6 % แต่นักลงทุนมองว่า ปัญหาทางการเมืองยังเป็นตัวแปรสำคัญต่อการลงทุน โดยเฉพาะการตัดสินคดีใหญ่ในวันที่ 25 ส.ค. นี้ นักลงทุน มองว่าอาจจะมีผลต่อโรดแมปที่รัฐบาลวางให้มีการเลือกตั้งในปีหน้าด้วยหรือไม่

ขณะนี้คนในวงการตลาดหุ้น คาดการณ์ความเป็นได้ของผลการพิพากษาในดคีรับจำนำข้าว ไว้ 3 กรณี 1. ยกฟ้องข้อกล่าวหา 2. มีความผิดตามข้อกล่าวหา ซึ่งก็จะถูกปรับ และจำคุก หรือ 3. มีความผิดตามข้อกล่าวหาแต่ให้รอลงอาญา

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ให้น้ำหนักในการตัดสินคดีนี้ต่อตลาดหุ้นว่า ผลกระทบต่อตลาดหุ้นค่อนข้างน้อย หรือไม่กระทบตลาดหุ้นเลย เพราะไม่ว่าผลการตัดสินออกมาเป็นอย่างไร ทั้งอัยการสูงสุดเป็นโจทก์ และ จำเลย คือ น.ส. ยิ่งลักษณ์ สามารถอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน โดยไม่ต้องมีหลักฐานใหม่ และเชื่อว่าทั้งฝ่ายก็จะใช้สิทธิ์นั้น และหากเป็นเช่นนั้นจริงผู้พิพากษาชั้นอุทธรณ์ 9 คน จะเป็นชุดใหม่ทั้งหมด เสมือนเป็นการเริ่มต้นกระบวนการไต่สวนใหม่น่าจะใช้ระยะเวลา 1 ปีขึ้นไป ขณะที่บรรดานักลงทุนต่างชาติ ก็มีสอบถามเข้ามาพอสมควร แต่เป็นการสอบถามถึงขั้นตอนการดำเนินการไต่สวนว่าสิ้นสุดแล้วหรือไม่ หากไม่มีแล้วจะเกิดอะไรต่อไป ซึ่งนักลงทุนต่างชาติ ก็ติดตามข่าวเหมือนกับนักลงทุนในประเทศ แต่ไม่ได้ให้น้ำหนักมากหนัก โดยมองกรอบดัชนีอยู่ที่ 1570-1580 จุด

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า ประเมินว่าผลการตัดสินเกิดขึ้นมีผลต่อตลาดหุ้นออกมาเป็น 4 กรณีด้วยกัน

- กรณีไม่มีความผิด ตลาดหุ้นไทยทะลุ 1580 จุด

- กรณีผิด โดนตัดสิทธิทางการเมือง ตลาดหุ้นไทยทะลุ 1580 จุด

- กรณีผิด โดนปรับ ตลาดหุ้นไทยย่อตัวลงมา 1560 จุด และ 1550 จุด

- กรณีเกิดความวุ่นวาย ตลาดหุ้นไทยย่อตัวลงมา 1560 จุด และ 1550 จุด

แต่ไม่ว่ากรณีไหน โบรกเกอร์ มองว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ คสช. สามารถจัดการรับมือได้ ประกอบกับนักลงทุนในตลาดหุ้น ก็ติดตามข่าวนี้ค่อนข้างใกล้ชิดเพื่อนำมาประเมินสถานการณ์ และเป็นข้อมูลในการบริหารพอร์ตลงทุนของตัวเอง เพราะสถานการณ์ตอนนี้ เป็นเพียงแค่การคาดการณ์เท่านั้น 25 ส.ค. นี้จะได้รู้คำตอบที่ขัดเจนว่าผลการตัดสิน จะ จบแบบไหน!!! และเสียงสะท้อนจากประชาชนจะเป็นอย่างไร