'บุญสร้าง' ย้ำงานปฏิรูปต้องมีแผนชัดเจน3ระยะ

'บุญสร้าง' ย้ำงานปฏิรูปต้องมีแผนชัดเจน3ระยะ

คกก.ปฏิรูปตร. ประเดิมเวทีรับฟังความเห็นครั้งแรก "บุญสร้าง"ย้ำงานปฏิรูปต้องมีแผนชัดเจน 3 ระยะ

เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ที่โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการฯกรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถาบันพระปกเกล้าร่วมกับคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนด้านการปฏิรูปตำรวจ โดยตัวแทนประชาชนชนในจังหวัดภาคกลาง 26 จังหวด จำนวน 199 คน โดยพล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) กล่าวในตอนหนึ่งในงานว่า รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ได้กำหนดให้มีการดำเนินการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆให้เกิดผล โดยในมาตรา 258 ได้ระบุว่าให้มีการปฏิรูปด้านกระบวนการยุตธิธรรม โดยการดำเนินการส่วนหนึ่งต้องการให้มีการดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ แก้ไขเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ ภารกิจของตำรวจ ปรับปรุงกฎหมายด้านการบริหารบุคคลของตำรวจ

และตำรวจจะต้องได้รับค่าตอบแทนให้เหมาะสม เช่น ความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้าย พิจารณาบำเหน็จความชอบตามระบบคุณธรรมที่ชัดเจน ซึ่งการบริหารงานราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ผ่านมา มีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาอันส่งผลต่อประชาชน ทั้งด้านรักษาความสงบเรียบร้อยปัญหาด้านการอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชน โดยสาเหตุเกิดจากการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองในการบริหารและปฏิบัติงานของตำรวจ การขาดแคลนทรัพยากรด้านบริหาร ร่วมทั้งโครงสร้างอำนาจหน้าที่ของตำรวจที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

พล.อ.บุญสร้าง กล่าวอีกว่า ปัญหาดังกล่าว มีผลกระทบในวงกว้างส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อตำรวจ จนสังคมมีความต้องการให้มีการปฏิรูปตำรวจ นอกจากนี้ผลการสำรวจความเห็นเรื่องการปรองดองแห่งชาติ พบว่าเงื่อนไขพื้นฐานของความขัดแย้งในสังคมไทย มีประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ การไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรมทางอาญา เป็นต้น ทั้งนี้การปฏิรูปจะต้องมีการกำหนดแผนที่ชัดเจน ซึ่งมีเรื่องของการแก้ปัญหา หรือการเพิ่มขีดความสามารถที่ทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้ สำหรับระยะเร่งด่วน 5 ปีแรก โดยประเด็นที่เรากำหนดไว้ก็คือ ต้องสร้างระบบการบริหารจัดการบุคลากรและการแต่งตั้งโยกย้ายที่ปราศจากการแทรกแซง เป็นอิสระและมีความเป็นธรรม การทำงานของตำรวจตอบสนองต่ออาชญากรรมยุคใหม่ รวมถึงการกระจายอำนาจเพื่อให้การทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนระบบสอบสวนคดีอาญาต้องเป็นอิสระ มีการตรวจสอบถ่วงดุล ปราศจากการแทรกแซง และทำงานไม่ล่าช้า

พล.อ.บุญสร้างกล่าวต่อไปว่าเป้าหมายระยะปานกลาง 5 - 10 ปีนั้น คณะกรรมการเห็นว่า ควรทำเรื่องการโอนภาระกิจที่ไม่ใช่ภาระกิจหลัก ไปให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง การกระจายอำนาจลงสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น แร่งปรับระบบการศึกษาและปรับคุณวุฒิให้ตรงตามสายงาน จัดตั้งตำรวจเ​ฉพาะด้าน ให้เหมาะสมกับอาชญากรรมบางประเภท ส่วนเป้าหมายระยะยาว 10 - 20 ปีนั้น แยกงานสอบสวนเป็นหน่วยงานอิสระ การใช้อุปกรณ์ไอทีในงานของตำรวจมากขึ้น ซึ่งนอกจากนี้เราจะมีการปรับปรุงกฎหมายเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปดังกล่าวด้วย