CK - ซื้อ

CK - ซื้อ

ได้เวลาซื้อเก็งกำไรข่าวการประมูล

ประเด็นการลงทุน

เราเชื่อว่าปัจจุบันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะเข้าซื้อหุ้น CK ก่อนที่การประมูลโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการจะเกิดขึ้นในช่วง 3 สัปดาห์ข้างหน้า อีกทั้งเรามองว่าราคาซื้อขายปัจจุบันน่าสนใจ โดย PBV ปัจจุบันสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวของบริษัทเพียง 0.3 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ซึ่งต่ำกว่าจุดสูงสุดรอบที่แล้วในเดือนก.ค. 59 ที่ +1.5 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
อยู่มาก แม้ภาพการประมูลและมูลค่างานในมือที่รอรับรู้รายได้ ณ ปัจจุบัน มากกว่าครั้งนั้นอย่างมีนัยยะ เมื่อรวมกับอัพไซด์ต่อราคาเป้าหมายปี 2560 ของเราที่ 33.5 บาทอยู่ 22% ดังนั้น เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” CK

การประมูลมาตามนัด

การประมูลสัญญางานโครงการรถไฟรางคู่ 7 สัญญามูลค่ารวม 6.1 หมื่นล้านบาทจะเกิดขึ้นในช่วงสามสัปดาห์ข้างหน้า โดยการเคาะราคา 2 สัญญาของสายประจวบคีรีย์ขันธ์-ชุมพร มูลค่า 8.2 พันล้านบาทต่อสัญญาจะเกิดขึ้นในวันที่ 31 ส.ค. ต่อจากนั้นในช่วงต้นเดือนก.ย. จะมีการเคาะราคาสัญญา 1 และ 2 ของสายลพบุรี-ปากน้ำโพธิ์ และอีก 3 สัญญาของ
สายมาบกะเบา-จิระ ส่วนการประมูลระบบอานัติสัญญาณของเหล่านี้อีก 3 สัญญามูลค่ารวมกว่า 1.22 หมื่นล้านบาทน่าจะเกิดขึ้นในไตรมาส 4/60 นอกจากนี้ TOR ของรถไฟฟ้าสายสีม่วงมูลค่า 1 แสนล้านบาท งานด่านและระบบเก็บค่าผ่านทางมอร์เตอร์เวย์ 3 สัญญารวมมูลค่า 2.25 หมื่นล้านบาท และงานทางด่วนมูลค่า 3.12 หมื่นล้านบาท น่าจะใกล้คลอด ซึง
หน่วยงานภาครัฐที่ดูแลโครงการเหล่านี้น่าจะเริ่มเชิญผู้รับเหมาเข้าร่วมประมูลงานภายในปี 2560 อย่างไรก็ตามอาจต้องใช้เวลา 3-4 เดือน หลังจากเริ่มการเชิญประมูลจนถึงวันที่ประกาศผู้ชนะการประมูล

การแข่งขันจะทยอยลดความรุนแรงลง

ระหว่างการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ ดูเหมือนว่าตลาดกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น เนื่องจากราคาเสนอประมูลต่ำสุดของโครงการรถไฟรางคู่ (สายหัวหิน-ประจวบคีรีย์ขันธ์) ในวันที่ 27 ก.ค. ต่ำกว่าราคากลางถึง 20% อย่างไรก็ตาม CK ดูเหมือนจะไม่กังวลต่อปัจจัยดังกล่าว และเชื่อว่าการแข่งขันจะค่อยๆผ่อนคลายหลังจากที่มีการเปิดประมูลงานต่างๆมากขึ้น
ซึ่งเห็นได้จากราคาประมูลสัญญาโครงการรถไฟรางคู่ (สายนครปฐม-หัวหิน) ในวันที่ 10 ส.ค. ที่ราคาต่ำที่สุดต่ำกว่าราคากลางเพียง 2%

รายได้จากการก่อสร้างโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง

นับจากต้นปี CK เซ็นต์สัญญาใหม่มูลค่ารวม 4.8 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้มีมูลค่างานในมือที่รอรับรู้รายได้ 8.6 หมื่นล้านบาท โดยจะบันทึกเป็นรายได้ในครึ่งหลังปี 2560 และปี 2561 จำนวน 1.7 หมื่นล้านบาท และ 2.9 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ จากภาพการประมูลโครงสร้างพื้นฐานที่ค่อนข้างชัดเจน เราเชื่อว่าสมมติฐานของเราที่คาดบริษัทจะเซ็นต์สัญญาโครงการ
ใหม่มูลค่ารวม 6.5 หมื่นล้านบาทในปี 2560 น่าจะบรรลุได้ ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มจะอยู่ในช่วง 7.8-8% ในครึ่งหลังปีนี้ ลดลงเล็กน้อยจาก 8% ในไตรมาส 2/60 เนื่องจากการลดลงของสัดส่วนรายได้จากงานระบบของโครงการรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินที่ให้อัตรากำไรสูง โดย CK บันทึกรายได้จากงานดังกล่าวจำนวน 3.5 พันล้านบาท (18% ของมูลค่า
โครงการวม) ในไตรมาส 2/60 เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการสั่งซื้ออุปกรณ์ที่มีราคาสูง อย่างไรก็ตามเราคาดจากนี้รายได้จากโครงการจะกลับสู่ภาวะปกติที่ประมาณ 0.9-1.2 พันล้านบาท/ไตรมาส