Daily Market Outlook (22 ส.ค.60)

Daily Market Outlook (22 ส.ค.60)

เศรษฐกิจไทยขยายตัวดีในไตรมาส 2

คาดหุ้นไทยขยับขึ้นต่อวันนี้ หลังจากสภาพัฒน์ฯ รายงานเศรษฐกิจไทยขยายตัวแข็งแกร่งในไตรมาส 2 ดีกว่าที่ตลาดคาดมาก มีสัญญาณดีหลายประการ ได้แก่ การส่งออก และภาคการเกษตรขยายตัวดีมาก การลงทุนภาคเอกชนกลับมาขยายตัวได้เป็นไตรมาสแรก ในขณะที่การบริโภคภาคเอกชนก็ยังแข็งแกร่ง แม้ว่ากำไรบจ. จะขยายตัวปานกลาง 5.6% ในครึ่งปีแรก และมีผิดหวังบ้างในไตรมาส 2 แต่เราคงประมาณการกำไรทั้งปีของตลาดโตที่ 12% ด้วยแรงผลักดันทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง นักลงทุนโลกจับตาคำแถลงของนางเจเน็ต เยลเล็นในวันศุกร์ถึงนโยบายการเงินของ Fed จากนี้ไป แต่การปรับตัวขึ้นของตลาดจะถูกจำกัดโดยความกังวลเรื่องความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับเกาหลีเหนือ

หุ้นเด่นวันนี้: SAWAD (ราคาปิด 48.00 บาท, ซื้อ, ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 61.00 บาท)

เราคาด บมจ. ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จะยังแสดงการเติบโตของสินเชื่อต่อเนื่องในไตรมาสที่เหลือของปี หนุนโดยการบริโภคภาคครัวเรือนที่ดีขึ้นและภาคเกษตรกรรมที่แข็งแกร่งมาก ซึ่งจะช่วยหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยในไตรมาส 2/60 ตัวเลขการบริโภคภาคครัวเรือนของไทยเพิ่มขึ้น 3.0% YoYในขณะที่ภาคเกษตรกรรมขยายตัวถึง 15.8% YoYนอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกอื่นๆ จากช่วงไฮซีซั่นและกลยุทธ์การขยายสาขาของบริษัท เราคาด SAWAD จะยังเพิ่มจำนวนสาขาต่อเนื่องเพื่อบรรลุเป้าที่ 2,400 สาขาภายในสิ้นปี จากสิ้นไตรมาส 2/60 ที่ 2,283 สาขา เราคาดการณ์สินเชื่อปี 60 จะเติบโต 40% หลังจากที่ในช่วงครึ่งปีแรกเติบโตไปแล้วกว่า 23.6% YTD แม้ว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีข่าวลือว่าบริษัทจะผิดนัดชำระตั๋วบี/อี แต่เรามองว่าข่าวลือดังกล่าวไม่น่าเป็นไปได้จากการที่บริษัทมีปัจจัยพื้นฐานและผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมาก ทำให้เราเห็นว่าราคาหุ้นที่ลดลงเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนในการเก็บเข้าสะสม เราคาดการณ์กำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 33.2% ในปี 60 และ 30.0% ในปี 61 Price Pattern ของ SAWAD แม้ว่าจะยังมีแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิด Monthly Buy Signal แต่ทั้งในระยะสั้นและระยะกลางยังคงบ่งบอกถึงการปรับฐานจากการเกิดทั้ง Daily & Weekly Sell Signal โดยคาดว่า Price Pattern ของ SAWAD อาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งเพื่อทำให้ Price Pattern ของ SAWAD กลับเข้าสู่ความแข็งแกร่งในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) อย่างเต็มตัวจากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ SAWAD มีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 50 บาท และมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 51.50 บาท ตามลำดับ (Resistance: 48.25, 49.00, 50.00; Support: 47.50, 46.75, 45.75)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• GDP ในไตรมาส 2/60 เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 17 ไตรมาส เมื่อวานนี้ สศช. รายงานวเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/60 ขยายตัว 3.7% YoYซึ่งเป็นขยายตัวที่มากที่สุดในรอบกว่า 4 ปี สาเหตุหลักมาจากการขยายตัวของการส่งออก การขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาคเอกชน ในขณะที่ GDP ในครึ่งแรกของปีขยายตัว 3.5% YoY (Bangkok Post)ความคิดเห็น: การเติบโตของ GDP ไตรมาส 2/60 ดีกว่าที่เราคาดไว้ที่ 3.4% อย่างไรก็ตามเรายังคงประมาณการอัตราการเติบโต GDP ปี 2560 ที่ 3.5% ในทางกลับกัน สศช. ได้ปรับเพิ่มประมาณการอัตราการเติบโต GDP ปี 2560 ไว้ที่ระดับ 3.5-4.0% จาก 3.3-3.8%

• กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนของ SET ลดลงในไตรมาส 2/60กำไรสุทธิรวมในไตรมาส 2/60ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เท่ากับ 225.7 พันล้านบาทลดลง 9.5% YoYเนื่องจากต้นทุนการผลิตและการตลาดเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามกำไรสุทธิรวมในครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 5.6% YoYเป็น517 พันล้านบาท (SET)ความคิดเห็น: กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนลดลงในไตรมาส 2/60ใกล้เคียงกับที่ AWS คาดไว้ที่ 224 พันล้านบาท โดยเรายังคงประมาณการกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ที่ 1,019 พันล้านบาท (+12% YoY)

• รมต. คลังมองเศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตได้ดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ยังคงมีมุมมองเป็นบวกกับเศรษฐกิจไทยและคาดว่าโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ รวมถึงโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก Eastern Economic Corridor จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ 4-5% ต่อปีในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า (Bangkok Post)

• คาดการณ์ผลผลิตข้าวไม่เปลี่ยนแปลง กระทรวงเกษตรฯ คาดว่าสถานการณ์น้ำท่วมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะส่งผลกระทบต่อการผลิตและการส่งออกข้าวของไทยอย่างจำกัด จึงคงการส่งออกข้าวและการผลิตประจำปีอยู่ที่ 10 ล้านตันและ 28-30 ล้านตันตามลำดับ (Bangkok Post)

ต่างประเทศ:

• นักลงทุนหันไปจับตาประชุมผู้ว่าธนาคารกลางจากประเทศต่าง ๆ ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันพฤหัสนี้ ซึ่งจะมีผู้เข้าร่วมประชุม ได้แก่ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) และผู้ว่าธนาคารกลางจากประเทศอื่น ๆ นักลงทุนจะจับตาดูทิศทางนโยบายทางการเงินว่าจะดำเนินไปในทางใด โดยที่การกล่าวสุนทรพจน์ของนางเยลเลนในวันศุกร์จะเป็นประเด็นหลักที่จับตามอง (Reuters)

• สหรัฐและเกาหลีใต้เริ่มร่วมซ้อมรบทางการทหารประจำปีในฤดูใบไม้ร่วงเมื่อวันจันทร์ ซึ่งเพิ่มความตึงเครียดให้กับเกาหลีเหนือ และประณามการซ้อมรบดังกล่าวว่าเป็นก้าวย่างที่มุ่งหน้าสู่ความขัดแย้งทางนิวเคลียร์โดยไม่ไตร่ตรองไว้ก่อน โดยที่การซ้อมรบแบบจำลองด้วยคอมพิวเตอร์ระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐจะดำเนินไปจนถึงวันที่ 31 ส.ค. นี้ (Reuters)

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐทรงตัวเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนรอฟังการกล่างสุนทรพจน์ของผู้ว่าธนาคารกลางอันดับต้น ๆ ทั่วโลกที่เมืองแจ็คสัน โฮล เพื่อหาแนวโน้มทิศทางด้านนโยบายทางการเงิน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับตัวลงที่ระดับ 2.18% จาก 2.19% เมื่อวันศุกร์ (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐร่วงเมื่อวันจันทร์ จากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในเกาหลีเหนือ ดัชนีค่าเงินดอลลาซึ่งวัดค่าเงินดอลลาร์เทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุล ปิดที่ระดับ 93.086 ลดลงจากที่ระดับ 93.474 เมื่อวันศุกร์ (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดผสมผสานเมื่อวันจันทร์ โดยดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 ปรับตัวขึ้นแต่ดัชนีแนสแดคปรับตัวลง เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับเกาหลีเหนือทำให้นักลงทุนวิตกกังวล อีกทั้งราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงฉุดราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน (Reuters)

ยุโรป:

• หุ้นยุโรปปรับตัวลงวานนี้ เนื่องจากความกังวลทางการเมืองในเอเชีย แม้หุ้น Fiat Chrysler และ Maersk จะปรับขึ้นช่วยจำกัดการปรับตัวลงของตลาดก็ตาม (Reuters)

เอเชีย:

• หุ้นขนาดเล็กของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นเหนือตลาดโดยรวม เนื่องจากนักลงทุนมองว่าเป็นกลุ่มหุ้นที่เหมาะสำหรับการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากปัญหาการเมืองระหว่างประเทศและค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งทำให้ค่าเฉลี่ยของดัชนีนิกเกอิต่ำกว่าระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน (Reuters)

• ค่าเงินหยวนมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 ตามข้อมูลของธนาคารประชาชนจีนคาดการณ์ว่าค่าเงินหยวนจะแข็งค่าขึ้นประมาณ 4% เมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐในปีนี้ซึ่งสวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะอ่อนค่าลงในระยะต่อไป โดยนักวิเคราะห์ชี้ว่าค่าเงินเหรียญสหรัฐที่อ่อนค่าลงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้น (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• ราคาน้ำมันดิ่งลงเกือบ 2% วานนี้ หลังจากที่พุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาจากสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดน้ำมันโลกเริ่มปรับเข้าสู่ภาวะสมดุล หลังจากประสบภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาดมาเป็นเวลานาน ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลง 1.06 ดอลลาร์ (-2.0%) อยู่ที่ 51.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวลง 1.14 ดอลลาร์ (-2.4%) อยู่ที่ 47.37 ดอลลาร์ (Reuters)

• ทองปรับตัวขึ้น เนื่องจากความกังวลในเรื่องเกาหลีเหนือ ราคาทองคำตลาดจรปรับขึ้น 0.3% อยู่ที่ 1,287.31 ดอลลาร์ ราคาทองล่วงหน้าปรับขึ้น 0.1% อยู่ที่ 1,293 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (Reuters)