ชงครม.เคาะซื้อไฟฟ้าสตึงมนัมของกัมพูชา

ชงครม.เคาะซื้อไฟฟ้าสตึงมนัมของกัมพูชา

กระทรวงพลังงาน ชงครม.เคาะซื้อไฟฟ้าสตึงมนัมของกัมพูชา

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (22 ส.ค.) กระทรวงพลังงาน โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) จะนำเสนอข้อมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำสตึงมนัม ในประเทศกัมพูชา ต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบและพิจารณารายละเอียดโครงการ

นายธรรมยศ ศรีช่วย รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำสตึงมนัม ในประเทศกัมพูชา เป็นเพียงโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก 24 เมกะวัตต์ ซึ่งนอกจากจะได้ไฟฟ้าแล้ว ยังได้น้ำจากเขื่อน 300 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี มาสนับสนุนความต้องการใช้น้ำจืดในภาคตะวันออก ซึ่งไทยกำลังพัฒนาเป็นพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC) เพื่อรองรับการลงทุนตามนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” ที่จะทำให้เกิดความใช้น้ำในพื้นที่เติบโตขึ้น และจะเป็นประโยชน์ต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในอนาคต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุม กพช.เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2560 ได้รับทราบความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำสตึงมนัม เบื้องต้นกระทรวงพลังงานได้เลือกรูปแบบดำเนินโครงการโดยตั้งโรงไฟฟ้าฝั่งกัมพูชาขนาด 24 เมกะวัตต์ ไฟฟ้าที่ผลิตได้ 105.6 ล้านหน่วยต่อปี ราคาค่าไฟฟ้า 10.75 บาทต่อหน่วย มูลค่าไฟฟ้า 2.60 บาทต่อหน่วย และมูลค่าน้ำ 2.87 บาทต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งโครงการนี้ทางกัมพูชาจะไม่คิดค่าน้ำ รวมทั้งมอบหมายให้บริษัท กฟผ.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด สามารถร่วมพัฒนาโครงการจากบริษัท Steung Meteuk Hydropower Co., Ltd. (SMH)

พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า คณะกรรมการบูรณาการนโยบายด้านการอนุรักษ์พลังงานในภาคขนส่งที่ตนเป็นประธาน อยู่ระหว่างพิจารณาปรับแนวทางและเป้าหมายการส่งเสริมการประหยัดพลังงานในภาคขนส่งใหม่ ซึ่งถือเป็นการปรับปรุงครั้งที่ 1 หลังพบว่าแผนเดิมยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายและยังไม่ผ่านการรับฟังความเห็นจากประชาชน โดยขณะนี้ได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นมา 4 คณะ เพื่อรวมรวมข้อมูลและกำหนดแผนงาน คาดว่าจะใช้เวลา 45-60 วัน หรือเสร็จสิ้นในเดือน ก.ย. นี้ และเห็นมาตรการที่ชัดเจน เบื้องต้นคาดว่าจะเพิ่มเป้าหมายการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า(EV) เพิ่มขึ้น จากแผนเดิมที่กระทรวงพลังงานกำหนดไว้ว่าจะมีรถ EV จำนวน 1.2 ล้านคันในปี 2579

สำหรับเป้าหมายการส่งเสริมพลังงานทดแทนภาคขนส่ง กระทรวงพลังงาน กำหนดให้ลดใช้พลังงานลง 1,300 กิโลตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ(KTOE)ต่อปี ตลอด 5 ปีแรก (ปี2558-2562) หรือประหยัดพลังงานเป็นมูลค่า 28,700 ล้านบาทต่อปี และกำหนดลดใช้พลังงานภาคขนส่งระยะ 20 ปี หรือในปี 2579 ลดลง 6,400 kTOE ต่อปี หรือคิดเป็นมูลค่า 141,000 ล้านบาทต่อปี