แรงเทขายทำกำไรฉุดราคาน้ำมันดิบปิดร่วง

แรงเทขายทำกำไรฉุดราคาน้ำมันดิบปิดร่วง

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าตลาดสหรัฐปิดตลาดวันจันทร์(21ส.ค.)ตามเวลาท้องถิ่น ปรับตัวลงจากแรงขายทำกำไร หลังจากที่ราคาดีดตัวขึ้นในวันศุกร์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนก.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาดไนเม็กซ์ ลดลง 90 เซนต์ หรือ 1.9% ปิดที่ราคา 47.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวลง 1.07 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ราคา 51.65 ดอลลาร์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปิดพุ่งขึ้น 3% เมื่อวันศุกร์ หลังมีรายงานว่า สหรัฐได้ปิดหน่วยกลั่นน้ำมันของโรงกลั่นน้ำมันที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานซึ่งระบุว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐ ปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา

การผลิตน้ำมันของสหรัฐแสดงสัญญาณชะลอตัว หลังเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ รายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 5 แท่น สู่ระดับ 763 แท่นในสัปดาห์ล่าสุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ในรอบ 3 สัปดาห์ และเป็นการร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.

อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ และความร่วมมือของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน

สำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) ระบุว่า การที่โอเปกให้ความร่วมมือต่ำในการลดกำลังการผลิตน้ำมัน จะทำให้การปรับสมดุลในตลาดใช้เวลานานขึ้น แม้อุปสงค์น้ำมันโลกจะมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง

ไออีเอ ระบุว่า ความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของโอเปกลดลงสู่ระดับ 75% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. โดยประเทศที่ให้ความร่วมมือต่ำได้แก่ อัลจีเรีย อิรัก และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ขณะที่ลิเบีย ซึ่งได้รับการยกเว้นจากการปรับลดกำลังการผลิต ก็ได้เพิ่มการผลิตอย่างมาก

ขณะเดียวกัน ไออีเอ ยังคาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันจากผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก นำโดยสหรัฐ จะเพิ่มขึ้น 0.7 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ และเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า