Daily Market Outlook (21 ส.ค.60)

Daily Market Outlook (21 ส.ค.60)

เสถียรภาพรัฐบาล Trump มีปัญหา

คาดหุ้นไทยไม่ไปไหนไกล นักลงทุนกังวลปัญหาเกาหลีเหนือ สงสัยความสามารถของ Trump ในการที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลอดจนปัญหาเสถียรภาพของตัวรัฐบาลสหรัฐเอง ตลาดถูกกดดันจากการก่อการร้ายที่สเปน และฟินแลนด์ด้วย ภายในประเทศภาคท่องเที่ยวยังเป็นจุดเด่น จำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวดี 4.5% ใน 7 เดือนแรกของปี และรัฐบาลกำลังจะออกมาตรการภาษีกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศเพิ่ม จุดสนใจวันนี้สภาพัฒน์จะรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 2ซึ่งเราคาดว่าน่าจะดีกว่าไตรมาสที่แล้วเล็กน้อย

หุ้นเด่นวันนี้: SIRI (Bt2.10; BUY; AWS TP Bt2.40)

SIRI เป็นหุ้นที่เราเลือกในวันนี้จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งช่วง 1H60 และ Dividend Yield 5.7% ต่อปี โดย SIRI มีกำไรปกติในไตรมาส 2/60 เพิ่มขึ้น 30% YoYและ 21% QoQเป็น 786 ล้านบาท และกำไรสำหรับ 1H17 เพิ่มขึ้น 18.2% YoY เป็น 1.4 พันล้านบาท SIRI สามารถระบายยอดคงเหลือในสต๊อกไปในช่วงครึ่งปีแรกนี้ได้ถึงที่ 2.5 พันล้านบาท โดยยังเหลือสต๊อกอยู่เพียง 10 พันล้านบาท แบ่งเป็นต่างจังหวัด 4 พันล้านบาท และ กทม. 6 พันล้านบาท ซึ่งส่วนนี้ เป็น 98Wireless ที่จะโอนได้ 100% ภายในปีนี้ เป็นมูลค่า 3,500 ล้านบาทด้วย ดีกว่าเดิมที่เคยคาดว่าจะโอนโครงการนี้ได้เพียง 70% ในปีนี้ อัตรากำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้นเป็น 9.4% ในไตรมาส 2/60 จาก 7.3% ในไตรมาส 1/60 และ 7.7% ในไตรมาส 22/59 และเท่ากับ 8.5% ใน 1H60 จาก 7.5% จาก 1H59 จากการประหยัดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ตั้งเป้า presales ปีนี้ไว้ที่ 40 พันล้านบาท 7 เดือนที่ผ่านมาทำได้แล้ว 18.7 พันล้านบาทหรือ 47% ของเป้าหมายทั้งปี แผนเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ 19 โครงการมูลค่ารวมประมาณ 45,000 ล้านบาท คาดว่าจะมีผลประกอบการดีที่สุดในไตรมาส 4/60 เนื่องจากการโอนจะกระจุกตัวอยู่ในไตรมาสสุดท้ายของปี เราได้ปรับราคาเป้าหมายขึ้นใหม่สำหรับ SIRI เป็น 2.40 บาท จากเดิมที่ 2.30 บาท ตามวิธี Dividend Discount Model และค่า PER ที่ 10 เท่า (ไม่มี dilution effect จาก warrant) Price Pattern ของ SIRI ยังมีแนวโน้มหลักที่เป็นขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily & Monthly Buy Signal รอเพียงการกลับมาเกิดความแข็งแกร่งในระยะกลางจากการเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่เท่านั้น โดยหากปิดตลาดรายสัปดาห์ได้เหนือ 2.20 บาท ก็จะทำให้กลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ SIRI มีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 2.70 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ SIRI มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 2.04 บาท (Resistance: 2.12, 2.14, 2.16; Support: 2.08, 2.06, 2.04)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 4.8% YoYอยู่ที่ 3.1 ล้านราย นำโดยนักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซีย ลาว เกาหลี และอินเดีย นอกจากนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวช่วง 7 เดือนของปี 60 อยู่ที่ 20.4 ล้านราย เพิ่มขึ้น 4.5% YoY (บางกอกโพสต์)ความเห็น: จากเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 36 ล้านคนในปี 2560 เติบโต 8%YoY ทำให้เรายังคงชอบกลุ่มท่องเที่ยวและคงคำแนะนำ ซื้อ AOT(TP Bt59), CENTEL(TP Bt47), ERW(IAA TP Bt6.5) and MINT(TP Bt45)

• ความคืบหน้าเกี่ยวกับมาตรการลดภาษีสำหรับการท่องเที่ยว กระทรวงการคลังเห็นชอบในหลักการของข้อเสนอลดภาษีสำหรับการท่องเที่ยวในประเทศแต่ขอให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปรับปรุงรายละเอียดเพื่อให้แหล่งท่องเที่ยวในชนบทได้รับประโยชน์มากขึ้น (บางกอกโพสต์/ไทยโพสต์)

• ครม.อนุมัติฟรีวีซ่าสำหรับนักลงทุนในกลุ่มเทค และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมที่ขาดแคลนบุคลากรเป็นเวลา 4 ปี จากปัจจุบันที่เสนอวีซ่าให้เพียง 2 ปีเท่านั้น (บางกอกโพสต์)

ต่างประเทศ:

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากการลาออกของนายสตีเฟ่น แบนนอน ที่ปรึกษาอาวุโสประจำทำเนียบขาว เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะพวกหัวชาตินิยมขวาจัดทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ ซึ่งก่อให้เกิดความต้องการลงทุนในหุ้น นักลงทุนยังมีความกังวลเพิ่มขึ้นจากเหตุสังหารด้วยอาวุธมีดในฟินแลนด์ หนึ่งวันหลังจากเกิดเหตุรถแวนพุ่งชนทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 รายและบาดเจ็บในเมืองบาร์เซโลนา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ทรงตัวที่ระดับ 2.197% แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากเมื่อวันพฤหัสและปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในสัปดาห์ก่อน (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อวันศุกร์ จากความวิตกกังวลอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนเกี่ยวกับวาระนโยบายต่าง ๆ ของทรัมป์ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปิดลบ 0.25% สู่ระดับ 93.389 (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบเมื่อวันศุกร์ จากเหตุการณ์ต่าง ๆ ในทำเนียบขาวซึ่งทำให้เกิดคำถามมากขึ้นเกี่ยวกับความสามารถในการบริหารของทรัมป์ที่จะผลักดันวาระนโยบายที่เน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการปรับลดภาษีและการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Reuters)

• ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 7 เดือนในเดือนส.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกนเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 97.6 ในครึ่งแรกของเดือนส.ค. จากที่ระดับ 93.4 ในเดือนก.ค.ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน ดัชนีฯ ในเดือนส.ค. ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 94 (Reuters)

ยุโรป:

• หุ้นยุโรปร่วงเมื่อวันศุกร์ กดดันโดยเหตุการณ์รถตู้พุ่งชนผู้คนในบาร์เซโลนา รวมถึงความกังวลในความมั่นคงของการบริหารของทรัมป์ (Reuters)

เอเชีย:

• ความเชื่อมั่นที่ผู้ผลิตของญี่ปุ่นปรับตัวดีขึ้นสู้ระดับสูงที่สุดในรอบทศวรรษที่ผ่านมาในเดือนสิงหาคม นำโดยผู้ผลิตวัตถุดิบต่างๆ จากการสำรวจความคิดเห็นของ Reuters ชี้ให้เห็นถึงสัญญาณบ่งชี้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ (Reuters)

• ทางการสหรัฐฯ เริ่มการสืบสวนกรณีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของจีนอย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กรณีดังกล่าวได้รับการคาดหวังอย่างกว้างขวางจากการออกมาให้ความเห็นของของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อต้นสัปดาห์นี้เพื่อพิจารณามาตรการที่จำเป็น (Reuters)

• การดำเนินการของจีนในการปราบปรามกิจกรรมการธนาคารที่ผิดกฎหมาย (shadow banking) ได้บรรลุเป้าหมายเบื้องต้นและจะมีการออกกฎระเบียบใหม่อีก 20 ชุดเพื่อเพิ่มการกำกับดูแลในปีนี้ ในไตรมาส 2/60 สินทรัพย์และหนี้สินระหว่างธนาคารลดลงเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2553 โดยสินทรัพย์และหนี้สินระหว่างธนาคารลดลง 1.8 พันล้านหยวน (269.64 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ในไตรมาส 1/60

สินค้าโภคภัณฑ์:

• ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงและจำนวนแท่นขุดเจาะที่ลดลง บริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์รายงานว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐลดลง 5 แท่น สู่ 763 แท่น ราคาน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.42 ดอลลาร์ (+3.0%) อยู่ที่ 48.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 1.69 ดอลลาร์ (+3.3%) อยู่ที่ 52.72 ดอลลาร์ (Reuters)

• ราคาทองแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือนเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากดอลลาร์ร่วงลง โดยได้รับแรงกดดันจากภาวะไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐ รวมถึงเหตุการณ์ก่อการร้ายในสเปน ราคาทองคำตลาดจรปรับตัวขึ้น 0.03% อยู่ที่ 1,287.95 ดอลลาร์ หลังจากที่แตะระดับสูงสุดเมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ 1,300.80 ดอลลาร์ (Reuters)