คาด 'คดีจำนำข้าว' กดดันหุ้นไทย

คาด 'คดีจำนำข้าว' กดดันหุ้นไทย

โบรกคาดคดีจำนำข้าวกดดัน "ตลาดหุ้นไทย" แนะชะลอการลงทุนหรือเล่นหุ้นรายตัว

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KTBST ประเมินแนวโน้มหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (21 – 25 ส.ค.) ว่า ในสัปดาห์นี้จะมีปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนจับตามอง 2 เรื่องคือ การตัดสินคดีจำนำข้าว ในวันศุกร์ที่ 25 ส.ค. นี้ หากผลตัดสินออกมาไม่ได้ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลต่อทิศทางการเมืองในอนาคต คาดจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นในวันศุกร์ และอีกปัจจัย คือ การประชุมเศรษฐกิจประจำปีของ เฟด ที่เมืองแจ็กสัน โฮล 24-26 ส.ค. ที่ถูกคาดหมายว่า เฟด และ อีซีบี จะแสดงความเห็นที่ชัดเจนต่อนโยบายการเงินของทั้งสองประเทศ

โดยเฉพาะการปรับลด คิวอี ถ้าผลออกมาว่าธนาคารกลางทั้งสองแห่งไม่รีบที่จะลด คิวอี ลงอย่างเร็ว คาดจะออกมาเป็นบวกต่อตลาดหุ้น ส่วนปัจจัยอื่นๆ รองลงมา ได้แก่ การที่คณะทำงานด้านเศรษฐกิจของ Trump ที่ลาออก ส่งผลต่อโครงการด้านสาธารณูปโภค $1 ล้านล้านเหรียญ อาจ delay เป็นลบทิศทางเศรษฐกิจและการเมืองของสหรัฐฯ แม้จะทำให้ Fed อาจยืดการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายอยู่ต่อไปรวมไปถึงสถานการณ์เกาหลีเหนือ และการก่อการร้ายในยุโรป ทำให้ตลาดหุ้นต่างประเทศผันผวน

ดังนั้น ทิศทางตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้จะเป็นอีกสัปดาห์หนึ่งที่มีตัวแปรหลายตัวทั้งของไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะ 2 ปัจจัยหลักที่นักลงทุน จะต้องรอดู ประกอบกับตลาดผ่านช่วงของการรายงานผลประกอบการ และจะมีหุ้นที่ทยอยขึ้นเครื่องหมาย "XD" จะทำให้ตลาด sideway ในกรอบแคบๆ การลงทุนภาพรวมจึงยังแนะนำชะลอการลงทุน หรือเลือกลงทุนแบบรายตัว เน้นปัจจัยบวกเฉพาะตัวและเข้าลงทุนเพียงกรอบเวลาสั้นๆ ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index สัปดาห์นี้ที่ 1,556-1,584 จุด

แนะนำหุ้นหุ้นในกลุ่มอิงเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มธนาคาร ค้าปลีก หรือหุ้นอื่นๆ หากตัวเลข จีดีพี หรือตัวเลขส่งออกออกมาดีคาดจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มนี้ด้วย โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาระดับหนึ่งแล้วโดยในวันจันทร์ สภาพัฒน์ฯ จะรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 2และระหว่างสัปดาห์ จะมีตัวเลขส่งออก และรายงานยอดขายรถและส่งออกรถยนต์ของไทย

ขณะที่ หุ้นกลุ่มปิโตรเคมีนั้น จากราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมามาก อาจต้องไปรอดูราคาผลิตภัณฑ์รายสัปดาห์ ที่จะมีการเปิดเผยวันอังคาร เพื่อดูว่าควรถือหรือขายทำกำไร หรือแม้กระทั่งหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ (น้ำมัน-โรงกลั่นน้ำมัน)