ตลาดตั๋ว บี/อี ระส่ำอีกรอบ

ตลาดตั๋ว บี/อี ระส่ำอีกรอบ

เมื่อ “เมืองไทย ลิสซิ่ง” เจอกระแสข่าวเบี้ยวหนี้

ต้องบอกว่าในช่วงนี้เรื่อง“หนี้สิน”เป็นเรื่องใหญ่ และค่อนข้างเปาะบางมากสร้างความวิตกให้กับตลาดการเงินอย่างมาก หลังจากบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ และ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น นำร่องเบี้ยวผิดนัดชำระหนี้ตั๋ว บี/อี ไปแล้ว รวมๆแล้วมูลค่าก็หลายพันล้านบาท ทำให้ตลาดตั๋ว บี/อี ต้องชะงักไปทันทีทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย เพราะกังวลว่าถ้าลงทุนไปแล้วจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยหรือไม่ และยิ่งล่าสุดมีข่าวลือออกมาว่า บริษัทเมืองไทย ลิสซิ่ง หรือ MTLS เบี้ยวหนี้ตั๋วบี/อี อีกราย แถมยังปัญหาสภาพคล่องหนัก ทำให้บริษัทต้องออกมาชี้แจงเพื่อสยบข่าว 

โดย ‘ชูชาติ เพ็ชรอำไพ’ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MTLS ตอบคำถามผ่านรายการ Stock Gossip ของกรุงเทพธุรกิจว่า บริษัทฯไม่ได้เบี้ยวหนี้ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นมาจากบริษัทเตรียมปรับเงินกู้ระยะสั้นที่มีมูลค่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นสัดส่วนถึง 60% ของเงินกู้ทั้งหมดมาเป็นเงินกู้ระยะยาว เพื่อลดปัญหาการชำระคืนหนี้ระยะสั้น

การปรับโครงสร้างทางการเงินครั้งนี้สถาบันการเงินจะปล่อยกู้ระยะยาว 5,000 ล้านบาท บวกกับบริษัทเตรียมออกหุ้นกู้เดือนนี้ 3,500 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ ลดความเสี่ยงเรื่องตั๋ว บี/อี ได้ และทำให้มีสภพาคล่องการเงินเพียงพอรองรับธุรกิจ

คุณชูชาติ บอกว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯก็ออกตั๋ว บี/อี มูลค่าทั้งหมด 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดชำระคืนเดือนสิงหาคม 50 ล้านบาท และทยอยชำระคืนเดือนละ 1,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีศักยภาพพอที่จะชำหนี้ได้จากกระแสเงินสดที่เข้ามาทุกเดือนอยู่แล้ว 4,000 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง งวด 6เดือน พบว่ามีหนี้สินรวม 22,447 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.58 % ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากการกู้ยืมเงินจากธนาคาร สถาบันการเงิน,การออกตั๋วเงินระยะสั้น และหุ้นกู้ เพื่อนำไปปล่อยสินเชื่อและขยายสาขา

ขณะที่พอร์ตการปล่อยสินเชื่อขยายตัวพิ่มขึ้น 61.71 % ทำให้มียอดปล่อยสินเชื่อแล้ว 29,305 ล้านบาท ขณะที่หนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น 86.79 % อยู่ที่ 198 ล้านบาท แต่บริษัทสามารถควบคุมได้ โดยตั้งปีนี้ไม่ให้เกิน 1.5% จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.1% และมีการสำรองหนี้รองรับไว้แล้ว 260 % ของเอ็นพีแอล

แม้ว่าผู้บริหารจะชี้แจงค่อนของข้างชัดเจนว่า บริษัทยังไม่ได้สะดุด แต่ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือบริษัทที่มีหนี้เยอะ ด้วยการออกตั๋วเงินระยะสั้นเพื่อมาให้เป็นกระแสเเงินสด ตอนนี้ต้องเจอกับการปรับโครงสร้างหนี้กันอุตหลุด และหากธุรกิจไม่แข็งแรงพอที่สถาบันการเงินไว้วางใจคงต้องเจอกับสถานการณ์สภาพคล่องชะงักอย่างช่วยไม่ได้