วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (18 ส.ค.60)

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (18 ส.ค.60)

ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น หลังข้อมูลเผยปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ปรับลด

+ ราคาน้ำมันดิบกลับมาขยับขึ้นอีกครั้ง โดยเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 1.5 หลังนักลงทุนตอบรับข้อมูลของ Genscape ซึ่งรายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ณ จุดส่งมอบคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 15 ส.ค. 60 ปรับลดลงมากกว่า 1 ล้านบาร์เรล สวนทิศทางกับข้อมูลในสัปดาห์ก่อนหน้าที่ปรับเพิ่มขึ้นราว 700,000 บาร์เรล

+ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ที่รายงานการปรับลดของปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ กว่า 8.95 ล้านบาร์เรล ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ในปัจจุบันอยู่ที่ 466.5 ล้านบาร์เรล ต่ำกว่าระดับในปี 59 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

+ ผู้เชี่ยวชาญจาก Rivkin Securities ให้ความเห็นว่า การปรับลดลงของปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ถือเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงผลจากความพยายามของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบโอเปคและนอกโอเปค และหากยังมีการปรับลดเช่นนี้ต่อไปก็จะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ สามารถลดลงไปต่ำกว่าระดับเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังตามเป้าหมายได้ภายใน 2 เดือน

- อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงจับตามองกำลังการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale oil) ของสหรัฐ โดยกำลังการผลิตได้ปรับตัวขึ้นกว่า 79,000 บาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้กำลังการผลิตดังกล่าวในปัจจุบันอยู่ที่ 9.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน นับเป็นระดับที่สูงที่สุดตั้งแต่เดือน ก.ค. 58


ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงกดดันจากการส่งออกจากประเทศจีนที่ยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับแรงกดดันจากข้อมูลปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ในสัปดาห์ก่อนหน้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 231.13 ล้านบาร์เรล

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากอุปทานในภูมิภาคที่ยังคงอยู่ในระดับสูงโดยเฉพาะจากประเทศจีน และอุปสงค์ที่ค่อนข้างซบเซาซึ่งเป็นผลจากความต้องการใช้ที่ปรับลดลงในช่วงฤดูฝน

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

              ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 46-51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

              ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 49-54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 


ปัจจัยที่น่าจับตามอง

- ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ คาดจะปรับลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน หลังโรงกลั่นในสหรัฐ เพิ่มกำลังการกลั่นขึ้นมาเพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันในประเทศและภูมิภาคที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการนำเข้าน้ำมันดิบที่คาดจะปรับลดลง โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 4 ส.ค. ปรับลดลง 6.5 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือนที่ระดับ 475.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล

- การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ มีแนวโน้มทรงตัวจากสัปดาห์ก่อนหน้า หลังผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐ หลังผู้ผลิตในสหรัฐ ยังคงเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันดิบขึ้นต่อเนื่อง โดย Baker Hughes รายงานปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 11 ส.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 3 แท่นมาอยู่ที่ระดับ 768 แท่น ซึ่งนับเป็นการปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งที่สองในรอบสามสัปดาห์ที่ผ่านมา

- ตลาดยังคงได้รับแรงหนุนต่อเนื่องหลังกลุ่มประเทศสมาชิกในข้อตกลงได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิรัก คาซัคสถาน และมาเลเซียแสดงเจตจำนงพร้อมที่จะเพิ่มความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตให้เป็นไปตามข้อตกลง นอกจากนี้ ซาอุดิอาระเบียประกาศลดการส่งออกน้ำมันดิบในเดือน ก.ย. ลงประมาณ 520,000 บาร์เรลต่อวัน ในขณะที่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะปรับลดการส่งออกลงร้อยละ 10 ของการส่งออกทั้งหมด

-----------------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

โทร.02-797-2999