MORNING CALL ACTION NOTES (18 ส.ค.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (18 ส.ค.60)

ข่าวก่อการร้ายกดดัน

ตลาดหุ้นไทยวานนี้ผันผวนในกรอบแคบ เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อในกลุ่มโรงกลั่นตามค่าการกลั่นที่ทรงตัวระดับสูง รวมถึงแรงซื้อหุ้นที่มีข่าวรายตัว ส่งผลให้ SET ปิดที่ 1,568.95 จุด (+1.43 จุด) Vol. 4.7 หมื่นลบ. โดย Foreign Net -527 ลบ. TFEX Net +2,053 สัญญา ตราสารหนี้ Net -2.2 พันลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

- เหตุก่อการร้ายรถแวนพุ่งเข้าใส่ฝูงชนในกรุงบาร์เซโลนาของสเปน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 คน และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก

- ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง หลัง ECB กังวลการแข็งค่ามากเกินไปของเงินยูโร ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อ ECB ในการกระตุ้นเงินเฟ้อ

- ตลาดหุ้น DJ ทรุดตัวลงแรง จากข่าวก่อการร้ายในกรุงบาร์เซโลนา รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐอาจจะส่งผลกระทบต่อมาตรการเศรษฐกิจของปธน.โดนัลด์ ทรัมป์

+/- ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นเล็กน้อยล่าสุด 47 US/Barrel หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐร่วงลง 7 สัปดาห์ติดต่อกันโดยลดลง 8.95 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตามถูกกดดันจากการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปี

+/- Fund Flow ต่างชาติผันผวนโดยตั้งแต่ต้นเดือนส.ค. เป็น Net Sell 4.4 พันลบ. ในขณะที่เงินบาทยังแข็งค่าล่าสุด 33.2 Bath/USD

ภาวะตลาดหุ้นไทยถูกแรงกดดันจากข่าวการก่อการร้ายในสเปน อีกทั้งการที่ ECB กังวลต่อเงินยูโรที่แข็งค่ามากเกินไปซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อการภาวะเงินเฟ้อซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลง นอกจากนี้การที่ Fund Flow ต่างชาติพลิกเป็น Net Sell อีกครั้งทำให้นักลงทุนขาดความมั่นใจในทิศทางตลาด ดังนั้นประเมินว่า SET จะปรับตัวลงทดสอบแนวรับ 1,560 จุด

กลยุทธ์การลงทุน รอซื้อช่วงอ่อนตัวแบบ Selective Buy

- กลุ่มเดินเรือ ค่าระวางทำ High ในรอบ 4 เดือนล่าสุด 1,247 จุด

- PDI ราคาสังกะสีทรงตัวระดับสูงล่าสุด 3,026 US/Ton

- กลุ่มโรงกลั่น ค่าการกลั่นทรงตัวระดับสูงราว 6 – 7 US/Barrel

- BANPU LANNA ราคาถ่านหินพุ่งสูงสุดรอบ 9 เดือนล่าสุด 97.5 US/Ton

- SYNEX COM7 SIS MGT กลุ่มนำเข้าได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า



หุ้นแนะนำพิเศษ

ECF (ราคาปิด 4.34 ซื้อ ราคาเหมาะสม 5.06)

- 2H60 เป็น high season ของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ อีกทั้งเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้า Biomass 7.5 MW (ECF ถือหุ้น 33%) ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา(ส่วนแบ่งกำไรราว 20-30 ล้านบาทต่อปี) และอยู่ระหว่างเจรจาลงทุนในโรงไฟฟ้า Biomass อีก 2-3 แห่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ นอกจากนี้ได้เข้าลงทุน 20% ในโรงไฟฟ้า Solar Farm ในพม่ากำลังการผลิต 220 MW ซึ่งปี 61 คาดจะรับรู้กำลังการผลิต 100 MW

- ECF ประกาศเพิ่มทุน General mandate 312 ล้านหุ้น (RO 234 ล้านหุ้น และ PP 78 ล้านหุ้น) พร้อมแจก ECF-W2 4 หุ้นเดิมได้ 1 วอแรนต์ และ ECF-W3 6 หุ้นเดิมได้ 1 วอแรนต์

- เราคาดว่ากำไรปี 60 อยู่ที่ราว 87 ล้านบาทเติบโต 32%YoY จากแรงหนุนของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ที่จะเข้าสู่แนวโมขาโน้มขาขึ้น นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า PWGE อีกราว 13 ล้านบาทเข้ามาช่วยหนุนผลประกอบการเพิ่มเติม

หุ้นมีข่าว

- TPCH (ราคาปิด 15.9 ซื้อราคาเหมาะสม 22.20) ประกาศข่าวดี โรงไฟฟ้าชีวมวล ปัตตานี กรีน เพาเวอร์ (PTG) กำลังการผลิตติดตั้ง 23 MW ในระบบ ADDER ในราคา 3.87 บาท ได้รับใบอนุญาตสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) จาก กฟผ.เรียบร้อยแล้ว พร้อมเดินหน้าเข้าประมูล โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในแบบ SPP Hybrid Firm ตั้งเป้าคว้า 70-100 MW (ที่มาทันหุ้น)

- ความเห็น โครงการ PTG เป็นโครงการลงทุนที่อยู่ในแผนของบริษัทอยู่แล้วโดยต้นเดือนที่ผ่านมาบริษัทได้อนุมัติเงินลงทุน 4 พันล้านบาทเพื่อลงทุนใน 4 โครงการรวมโครงการ PTG ด้วย อย่างไรก็ตามเรามองเป็นมุมมองบวกต่อผลประกอบการของบริษัทในระยะยาวหลังได้ PPA ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยคาดว่าผลประกอบการของบริษัทจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังเนื่องจากรับรู้รายได้โรงไฟฟ้า PGP และ SGP กำลังการผลิตแห่งละ 9.2 MW หนุนให้บริษัทมีกำลังการผลิตรวม 52.8 MW

Analyst Meeting : TVD (ราคาปิด 1.24 บาท)

- ผลการดำเนินงานที่ติดลบช่วง 2Q60 ที่ผ่านมา เกิดจากพฤติกรรมผู้ซื้อที่ทยอยเปลี่ยนไปรับชมสื่อออนไลน์มากขึ้นและยังมีค่าใช้จ่ายตกค้างในงวด 1Q60 จากธุรกิจขนส่ง (LMD) แต่บริษัทได้ทำวิจัยตลาดและมาพร้อมกลยุทธ์ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น 3-RD ซึ่งจะมีการเข้า JV กับบริษัทรับส่งอาหารออนไลน์ในใต้หวันที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 และการรับออเดอร์ Outsource ของธุรกิจขนส่งเพิ่มขึ้นอีก 2.5 หมื่นชิ้นต่อเดือน เพิ่มให้ออเดอร์รวมเป็น 1.5 แสนชิ้นต่อเดือน และเพิ่มช่องทางการขายผ่าน Social media เพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่ แต่โดยรวมปรับลดเป้ารายได้ปี 60 ลงจาก 3.9 พัน ลบ. ลงเหลือ 3.4 - 3.6 พัน ลบ.

- ความเห็น เบื้องต้นจากธุรกิจ Logistic น่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้นจากการรับออเดอร์แบบ Outsource ซึ่งปัจจุบันผ่านการทดสอบขนส่งจากลูกค้าแล้ว 1 ราย และอยูระหว่างการทดสอบอีก 1 ราย น่าจะช่วยหนุนให้ผลประกอบการรวมงวด 3Q60 ขาดทุนลดลงหรือเข้าใกล้จุดคุ้มทุนได้ แต่ยังต้องติดตามผลการดำเนินงานต่อเนื่องว่า กลยุทธ์และช่องทางขายใหม่ๆจะช่วยหนุนยอดขายในสภาวะที่การบริโภคในประเทศซบเซาได้หรือไม่

Analyst Meeting : LIT (ราคาปิด 12.20 ซื้อ ราคาเหมาะสม 14.20)

- กำไร 2Q60 เท่ากับ 36.6 ลบ.+46%yoy ทำสถิติ new high ทั้งรายได้และกำไร 1H60 มีกำไร 71 ลบ. +57%yoy ยอดสินเชื่อคงค้างปลายมิ.ย. 60 เท่ากับ 4,852 ลบ. +38%yoy

- %NPL ปลาย Q2 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องสู่ 4.34% จาก 3.86% ปลาย Q1 ทำให้บริษัทตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นเป็น 3.08% ของยอดลูกหนี้คงเหลือ จาก 2.9% ณ ปลาย Q1 ผู้บริหารเพิ่มหารเป้าตั้งสำรองหนี้สูญสู่ระดับ 3.5 – 4% จากแผนเดิม 2.75 – 3%

- บริษัทมีแผนปรับโครงสร้างแหล่งเงินทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยมีแผนลดการออกตั๋ว B/E เหลือ 150 ลบ. จากปลายปี 59 ที่สูงถึง 625 ลบ. ล่าสุดเหลือ 323 ลบ. มีแผนออกหุ้นกู้ 300 ล้านบาท อายุ 2.5 ปี ดอกเบี้ย 6%ในเดือนส.ค. และใช้แหล่งเงินทุนต้นทุนต่ำจากพันธมิตรใหม่ NEC Capital ซึ่งเป็นบริษัทญี่ปุ่นและ BAY ผู้ให้บริการ credit line รายใหม่

- ความเห็น กำไรครึ่งปีคิดเป็น 47% ของประมาณการกำไรทั้งปีที่ 150 ลบ.+49% เบื้องต้นฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการตามเดิม โดยยังมีมุมมองเชิงบวกต่อศักยภาพในการเติบโตของรายได้ที่มีปัจจัยหนุนจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นในช่วงครึ่งปีหลังที่มีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณทำให้สินเชื่อ project finance มีแนวโน้มเติบโตดี

- PSTC กลุ่มทุน "เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี" ที่ซ่อนกายอยู่ใน PSTC ภายใต้ชื่อ "โสมพัฒน์ ไตรโสรัส" ลูกเขย คาดมีหุ้นรวมกับพันธมิตรแล้วกว่า 23% วงการจับตาการเพิ่มสัดส่วนถือหุ้นครั้งต่อไป อาจมีนัยถึงขั้นเข้ากุมบังเหียน PSTC เพื่อใช้เป็นฐานการทำธุรกิจพลังงาน รองรับบริษัทในกลุ่มของเจ้าสัวเจริญ ขณะที่ปีนี้ลุ้นจ่ายปันผลหลังงบ Q2/2560 โตกว่า 177% ตั้งเป้าปี 2562 ขายไฟฟ้า 100 เมกะวัตต์ (ที่มาทันหุ้น)

- PSTC งบ 1H60 อยู่ที่ 23.3 ล้านบาท เติบโต 30%YoY จากการรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเพิ่มขึนหลังรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 10 MW ตั้งแต่ปลายปี 59 ส่งผลให้มีกำลังการผลิตที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 30 MW

(+) BEM (ราคาปิด 7.65 Bloomberg Consensus 8.42) “กทพ.” เร่งศึกษาต่อสัญญาทางด่วนขั้นที่สองกับ BEM หลังจะครบสัมปทาน ก.พ. 2563 สรุปผลศึกษา ต.ค.นี้ พร้อมเจรจาให้ได้ข้อยุติภายใน เม.ย. 2562 (ที่มาข่าวหุ้น)


ตลาดหุ้นดาวโจนส์ -274.14 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,750.73 จุด ร่วงลง 274.14 จุด หรือ -1.24% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,221.91 จุด ร่วงลง 123.19 จุด หรือ -1.94% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,430.01 จุด ลดลง 38.10 จุด หรือ -1.54%เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุก่อการร้ายในกรุงบาร์เซโลนาของสเปน ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 คน นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงกังวลว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐอาจจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการผลักดันมาตรการทางเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ตลาดน้ำมัน NYMEX +0.31 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 47.09 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด เนื่องจากรายงานของ EIA ระบุว่า สหรัฐผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี

Analyst Meeting

EPG ราคาปิด 10.80 บาท Bloomberg Consensus 13.79 บาท

- รายงานกำไร Q1/18 (งบ Q2/17) ที่ 286 ลบ. (+5% QoQ แต่ - 25% YoY) จากรายได้รวมเติบโตขึ้นราว 8% QoQ และ 1%YoY เป็น 2.4 พันลบ. โดยยอดรายได้มีการเติบโต QoQ ในทุกบริษัททั้ง Aeroflex , Aeroklas และ EPP อย่างไรก็ตามกำไรสุทธิที่ลด YoY มาจาก EPP ที่มียอดขายลดลงราว 8%YoY จากกำลังซื้อภายในประเทศที่หดตัว รวมถึงต้นทุนเม็ดพลาสติกปรับตัวขึ้นมาก

- บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2018 สำหรับ Aeroflex เพิ่มขึ้น 8-10% Aeroklas +12% และ EPP +8% ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยคาดว่าผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีจะเติบโตขึ้นตามยอดขายที่เพิ่มขึ้นโดย Aeroflex จาก order ต่างประเทศ US Japan China , Aeroklas จากการรวมรายได้ TJM เข้ามา และ EPP จากกำลังซื้อภายในประเทศที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจรวมถึงต้นทุนเม็ดพลาสติกปรับตัวลง ทั้งนี้Bloomberg คาดกำไรปี2018 ที่ 1.6 พันลบ. (+17%YoY )