พ่อเผยนาทีลูกชายรอดชีวิต ถูกจับตัวจากเต็นท์ถ อ.นาทวี

พ่อเผยนาทีลูกชายรอดชีวิต ถูกจับตัวจากเต็นท์ถ อ.นาทวี

พ่อเจ้าของเต็นท์รถ เล่าเหตุการณ์นาทีระทึก ลูกชายถูกคนร้ายบุกปล้นและจับไปพยายามฆ่าทิ้ง เผยคนร้ายจับจ่อยิงเรียงตัว ลูกชายเป็นคนที่ 3 คนร้ายเอาปืนจ่อหน้าอกเตรียมเหนี่ยวไก

หลังเกิดเหตุการณ์ปล้นเต็นท์รถยนต์มือสองวังโต้คาร์เซ็นเตอร์ ในอ.นาทวี จ.สงขลา และชิงรถกระบะขับหลบหนีไป6 คันรวมทั้งจับเจ้าของเต้นรถและลูกน้อง4คน ไปเป็นตัวประกันและยิงเสียชีวิต1คนบาดเจ็บ1 และรอดมาได้2 คน ซึ่งหนึ่งในผู้รอดชีวิตคือ ธานีศักดิ์ ยี่จิน เจ้าของเต้นท์รถซึ่งขณะนี้ได้หลบไปพักอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว

ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้นจาก นายบุญธรรม ยี่จิน อายุ 72 ปี ซึ่งเป็นพ่อของ นายธานีศักดิ์  ได้เล่าเหตุการณ์ที่ลูกชายบอกถึงนาทีชีวิตให้ฟังขณะคนร้ายบุกเข้าปล้นเต้นรถและจับตัวเพื่อไปฆ่าปิดปากพร้อมลูกน้องสี่คนว่า

ในช่วงเกิดเหตุลูกชายไม่ได้อยู่ที่เต็นท์รถและได้โทรศัพท์ไปหาลูกน้องแต่ไม่มีคนรับสาร จึงขับรถจักรยานยนต์ไปดูที่เต็นท์รถแต่ไม่พบใครมีเพียงกลุ่มชายฉกรรจ์7 คนที่แต่งตัวคล้ายเจ้าหน้าที่สวมเสื้อเขียนคำว่าPOLICEที่หน้าออกและถือแฟ้มมาด้วย จึงถามว่ามาทำอะไรหนึ่งในคนร้ายบอกว่ามาขอตรวจทะเบียนรถลูกชายจึงขอดูบัตร แต่จังหวะนั้นได้มีคนร้ายอีกคนใช้ปืนตีเข้าที่สะบักหลังจนล้มลงก่อนที่จะถูกลากตัวไปรวมกับลูกน้องอีก3 คนที่ถูกจับมัดไว้แล้ว โดยคนร้ายได้ใช้สายเคเบิลไทม์ มัดมือไพล่หลัง จากนั้นจึงรื้อค้นกุญแจรถยนต์ซึ่งแต่ละดอกได้ติดป้ายทะเบียนไว้แล้วทั้งหมด ก่อนที่จะทยอยขับรถออกไป

และคนร้ายได้จับลูกชายและลูกน้องโยนขึ้นท้ายรถกระบะคันที่5 ขับออกไปโดยมีรถกระบะอีกคันขับปิดท้าย1 คันและพูดว่าจะพาไปเผานั่งยางทั้งหมด จากนั้นคนร้ายได้เลี้ยวเข้าไปในพื้นที่หมู่8บ้านควนหินเภาต.วังใหญ่ อ.เทพา  ระหว่างทางลูกชายได้ใช้กุญแจรถที่อยู่ในกระเป่าช่วยกันตัดสายเคเบิลไทม์จนขาด เมื่อถึงที่เปลี่ยวห่างจากบ้านผู้คน คนร้ายได้ลงจากรถและลากลงมายิงทิ้งทีละคน

โดยคนแรกคือนายสหรัฐ ที่ถูกยิงจ่อหัวจนเสียชีวิต ส่วนคนที่2 คือ นายประทานพร ซึ่งคนรายได้ใช้สายเคเบิลไทม์รัดคอจนเกือบหมดสติและจ่อยิงซ้ำแต่โชคดีที่ไปถูกที่ไหล่และทำแกล้งตาย ส่วนลูกชายเป็นคนที่3 แต่ในจังหวัดที่คนร้ายเอาปืนจ่อที่หน้าอกเตรียมเหนี่ยวไกยิงลูกชาย ซึ่งขณะนั้นยังทำทีว่ามือยังถูกมัดไพล่หลังอยู่ ได้ตัดสิ้นใจในเสี้ยววินาทีผลักคนร้ายออกไปและวิ่งหนีไปแค่3-4 คนจึงนึกได้ว่ายังมีลูกน้องอีกคนคือนายวีระศักดิ์ ที่อยู่บนรถจึงได้ตะโกนเรียกให้วิ่งหนีจึงตั้งสติได้พากันวิ่งหนีตายไปคนละทางรอดมาได้อย่างหวุดหวิด และคนร้ายได้รีบขึ้นรถขับออกไปแต่ระหว่างนั้นยังถอยพยายามเหยียบหัว นายประทานพร แต่ก็ยังพอมีสติหลีกได้

นายบุญธรรม ยังบอกว่าอีกว่า ในเสี้ยววินาทีเป็นวินาทีตายที่คนร้ายกำลังจะเหนี่ยวไกปืนยิงนั้นลูกชายบอกว่าได้นึกถึงหลวงปู่ทวดและรวบรวมสติและพลังครั้งสุดท้ายผลักคนร้ายออกไป  และลูกชายยังบอกอีกว่าท่าทีของคนร้ายขณะก่อเหตุน่าจะอยู่ในอาการตื่นกลัวด้วยเพราะมือที่ถือปืนยังสั่นๆอยู่

นายบุญธรรม ยังเผยอีกว่า ลูกชายตนนับว่าเป็นคนโชคดีและดวงแข็งเพราะเมื่อปี56ก่อนเคยอยู่ในเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดร้านน้ำชาซึ่งอยู่ใกล้กับเต็นท์รถของลูกชาย และลูกชายนั่งอยู่ในร้านน้ำชาด้วยแต่ก็ไม่เป็นอะไรขณะที่เพื่อนที่นั่งอยู่ติดกันขาขาด

นายบุญธรรม ยังฝากไปถึงกลุ่มคนร้ายให้เลิกยุติก่อเหตุความรุนแรงทำร้ายผู้บริสุทธิ์และให้เห็นการที่เกิดขึ้นกับลูกชายเป็นครั้งสุดท้ายเพราะเราอยู่ในแผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์เดียวกัน