ยธ.ผลักดันกฎหมายพัฒนาอนุพันธ์พืชเสพติด กระท่อม-กัญชา เป็นยารักษาโรคทางการแพทย์ พร้อมสนับสนุนปลูกกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจ ทดลองปลูกแล้วในพื้นที่ภาคเหนือทดลองแล้วกว่า 1,000 ไร่
พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการศึกษาวิเคราะห์มาตรการทางกฎหมายในการควบคุมเมทแอมเฟตามีน ครั้งที่ 2/2560 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเพื่อพิจารณามาตรการทางกฎหมายในการควบคุมเมทแอมเฟตามีนและอนุพันธ์
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า ตามคำสั่งศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ศอ.ปส.). ที่ 9/2559 ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการศึกษาวิเคราะห์มาตรการทางกฎหมายในการควบคุมเมทแอมเฟตามีน เพื่อปรับปรุงนโยบายและกฎหมายให้สอดคล้องกับทิศทางการดำเนินการด้านยาเสพติดโลก ซึ่งกำหนดให้ยาเสพติดแต่ละประเภทต้องได้รับการปฏิบัติที่เหมาะสม ไม่เหมารวม ส่วนกฎหมายบางบทบัญญัติขัดกับวิถีชีวิตก็ต้องปรับปรุงให้เหมาะและสะท้อนความเป็นจริงของสังคม รวมทั้งเปิดช่องให้มีการศึกษาวิจัยง่ายขึ้น โดยที่ผ่านมาคณะอนุกรรมการฯ ได้ศึกษาพร้อมมีข้อเสนอเกี่ยวกับมาตรการในการควบคุมที่เหมาะสมเกี่ยวกับพืชเสพติด เช่น กัญชง หรือเฮมพ์ พืชกระท่อม กัญชา และเมทแอมเฟตามีน ซึ่งขณะนี้ผลการศึกษาเกี่ยวกับมาตรการในการควบคุมพืชดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว
ด้านนายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการป.ป.ส. กล่าวว่า สำหรับผลการศึกษาได้ข้อยุติและมีผลบังคับใช้ในพระราชกิจจานุเบกษาแล้ว โดยเฉพาะกัญชง หรือ เฮมพ์ ยังคงกำหนดเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 แต่คงมาตรการควบคุมและกำกับดูแลการปลูกกัญชงหรือเฮมพ์เพื่อส่งเสริมให้เป็นพืชเศรษฐกิจ ซึ่งได้อนุญาตให้หน่วยงานของรัฐ คือ โครงการหลวงและโรงงานยาสูบทดลองปลูกแล้วกว่า 1,000 ไร่ในพื้นที่ 9 จังหวัด 23 อำเภอในพื้นที่ภาคเหนือภายใต้การกำกับดูแลและกลไกการควบคุมของศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดระดับจังหวัด ส่วนพืชกระท่อม กำหนดให้เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 แต่ผ่อนปรนให้สามารถใช้แบบวิถีชาวบ้านและเปิดช่องให้สามารถขออนุญาตศึกษาวิจัยเพื่อใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ได้ สำหรับกัญชายังกำหนดให้เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 แต่จะเปิดช่องให้แพทย์และโรงพยาบาลขออนุญาตทำการศึกษาวิจัยได้สะดวกขึ้น เช่นเดียวกับพืชกระท่อม แต่จะต้องมีการกำหนดขอบเขตและปริมาณที่จะใช้ ซึ่งหลักการนี้ได้กำหนดไว้ในร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอให้นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้เสนอไปยังสำนักงานอาหารและยา(อย.)และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ความเห็นชอบก่อน
เลขาธิการฯป.ป.ส.กล่าวถึงการหามาตรการควบคุมเมทแอมเฟตามีนและอนุพันธ์ว่า เบื้องต้นมีข้อเสนอให้ แอมเฟตามีน ยาบ้าและไอซ์ เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯต่อไป ส่วนอนุพันธ์ของเมทแอมเฟตามีนตัวอื่น ๆ เช่น แอมเฟตามีน ที่ปัจจุบันมีการใช้ในทางการแพทย์อยู่บ้างในต่างประเทศเพื่อรักษาโรคสมาธิสั้น จะพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้งหนึ่งว่าจะควบคุมเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 หรือควบคุมเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ตามพรบ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทฯ เพื่อให้นำมาใช้ในทางการแพทย์ได้แต่ต้องโดยมีควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ผิด โดยที่ประชุมมีมติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาวิเคราะห์ข้อดี ข้อเสียและผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น หากมีการกำหนดมาตรการในการควบคุมอนุพันธ์ของเมทแอมเฟตามีนบางชนิด เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 หรือเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 เพื่อให้นำมาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ คาดว่าจะใช้เวลาอีก 2-3. เดือนคงแล้วเสร็จ