ผอ.อ้อย ไม่ใช่เจ้าแม่เงินกู้ เป็นผู้ที่มีน้ำใจ ทำไมต้องอุ้ม

ผอ.อ้อย ไม่ใช่เจ้าแม่เงินกู้ เป็นผู้ที่มีน้ำใจ ทำไมต้องอุ้ม

ผอ.อ้อย เป็นคนมีเงิน เงินจากการประหยัด อดออม โดยดูจากรายได้ของ ผอ.อ้อย คือ เงินเดือนสามีที่เป็นต้นหน เรือเดินทะเล เงินเดือนเป็นแสนๆ เพราะรับเงินเดือนเป็นเงินดอลลาร์ส่งมาให้ ผอ.อ้อย เก็บเดือนละกว่า 5 – 6 หมื่น

และยังมีเงินเดือน ผอ.กองการศึกษาตกเดือนละหลายหมื่น

วันที่ 3 กรกฎาคม 2560 เวลา 07.30 น. ผอ.อ้อย หรือ นางสาวจุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน อายุ 37 ปี ผู้อำนวยการกองการศึกษาและวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนตำบลชำ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ภายหลังจากป้อนข้าวลูกสาวอายุ 8 ขวบแล้ว ได้ขับรถยนต์เก๋ง โตโยต้า สีบอร์นเงิน หมายเลขทะเบียน กษ 8201 เชียงใหม่ จากหมู่บ้านซำเม็ง หมู่ที่ 3 ตำบลเสาธงชัย ไปส่งที่โรงเรียนในเมืองกันทรลักษ์ ตามเส้นทางบ้านซำเม็ง ผ่านบ้านภูมิชรอล เข้าถนนเขาพระวิหาร ระยะทางกว่า 40 กม.

จากนั้นได้ขับรถยนต์คันเดียวกัน มุ่งหน้าสู่อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี จุดหมายคือมุ่งสู่ค่ายทหาร ตามหลักฐานสัญณานโทรศัพท์ ของ ผอ.อ้อย ซึ่งเพื่อนๆ ทุกคน ยืนยันถึงวัตถุประสงค์ ว่าภารกิจของเธอในเช้านี้คือ “ตามทวงหนี้” ที่นายทหารคนหนึ่ง กู้ยืมไป

พยานบุคคลคนหนึ่งที่เป็น เจ้าหน้าที่ อบต.ชำ คนหนึ่ง และเพื่อนร่วมงานที่สนิทมาก ของผอ.อ้อยคนหนึ่ง ให้ข้อมูลเชิงลึกว่า ก่อนหน้านี้เดือน มิถุนายน 2560 ผอ.อ้อย ได้เดินทางเข้าไปที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลฯ มาแล้ว และบ่นว่า เกือบออกมาไม่ได้ เพราะการที่เธอบุกเข้าไปทวงหนี้ ที่นายทหารคนหนึ่งหยิบยืมไป นานนับปี แต่ไม่มีการส่งคืน แม้จะยอมให้เพื่อนตนที่เป็นคนค้ำประกัน ยืดบัตร ATM ไว้ก็ตาม แต่เมื่อพอถึงสิ้นเดือน เอาบัตรไปกดเงินเดือนที่ต้นสังกัดโอนเข้าให้ ก็ไม่สามารถที่จะกดได้ ตรวจสอบพบว่าบัตรถูกยกเลิกไปแล้ว ซึ่ง ผอ.อ้อย เชื่อว่า เจ้าของบัตร ไปทำการยกเลิกโดยการแจ้งความหาย แล้วออกบัตรใหม่ไปแล้ว จึงพยายามที่จะไปทวงถามเงินที่นายทหารคนนี้ยืมไปมาโดยตลอด สุดท้ายจึงเสี่ยงเดินทางเข้าไปทวงในค่ายทหาร เสมือนการบุกเข้าถ้ำเสือ และหวิดที่จะถูกทำร้ายมาแล้วครั้งหนึ่ง ดีที่ได้ยืมรถยนต์เพื่อนขับเข้าไป ทำให้คนที่หวังจะทำร้าย จำทะเบียนรถไม่ได้ จึงรอดพ้นออกมา ก่อนที่จะเล่าบ่นให้เพื่อนๆ ที่ทำงานได้รับฟัง แต่ก็ยังไม่ละความพยายาม

ผอ.อ้อย ไม่ใช่เจ้าแม่เงินกู้ เป็นผู้ที่มีน้ำใจ ทำไมต้องอุ้ม

และเช้าวันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่เธอตัดสินใจบุกเข้าถ้ำเสืออีกรอบ

ในวันที่ 3 กรกฏาคม 2560 ผอ.อ้อย ได้ลางาน และบอกเพื่อนๆ ที่ อบต.ว่า วันนี้จะไปทวงหนี้ที่ค่ายทหารอีกรอบ หากไม่ได้ครั้งนี้ จะบุกขึ้นพบผู้บังคับบัญชา เจ้านายของนายทหารคนนั้นเลย เพื่อให้ช่วยในการติดตามหนี้ และจะเล่าเรื่องทุกเรื่องที่เกี่ยวพันกับนายทหารคนนั้นให้ผู้บังคับบัญชารับฟัง เพื่อช่วยเหลือทวงเงินให้ตนคืน ก่อนที่จะลางานไป โดยเพื่อนๆ ก็ได้พากันเตือนว่า ให้ระวังตนเอง เพราะเกรงจะถูกทำร้าย แต่โดยนิสัยของผอ.อ้อยคือเป็นคนมุ่งมั่นในการที่คิดอะไรแล้ว จะต้องทำให้ได้

และเธอก็ไม่กลับมา

1 สัปดาห์ผ่านไป หลังเธอหายตัว เพื่อน ๆ ได้พยายามที่จะโทรศัพท์ติดตามเพื่อสอบถาม ว่า ทำไมจึงขาดงานไปเฉย ๆ แต่ปลายทางไม่มีใครรับสาย แต่กลับพบเห็นเฟสบุ๊คในชื่อ Oil Oil ซึ่งเป็นเฟสบุ๊คส่วนตัวของผอ.อ้อย มีคนเข้าใช้และถูกเปิดเล่นขึ้นมาใหม่เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2560 ซึ่งนับตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2560 หายไปไม่มีการเล่นใดใด ทุกคนก็พยายามที่จะโทรติดต่อทางไลน์ ทางเฟสบุ๊ค ไปหาตามชื่อที่เธอใช้เล่น แต่ผอ.อ้อย แต่ไม่รับ กลับมีข้อความขึ้นมาตลอดว่า” อ้อย สบายดี อย่าเป็นหวง ขอหลบไปสักพัก เรื่องงานก็อาจะลาออกเพราะได้งานใหม่ ทำธุรกิจเล็กๆ พอเพียง ฝากบอกพ่อ กับแม่ ด้วย พร้อมฝากดูแลลูกด้วย”

ซึ่งพอปรากฎข้อความแบบนี้ ทุกคนไม่เชื่อว่านั่นเป็น ผอ.อ้อย ที่ส่งข้อความมา เพราะ ผอ.อ้อย เป็นผู้ที่รักครอบครัว และรักลูกสาวมาก มากที่สุดในชีวิต เพราะสัญชาติญาณขอความเป็นแม่คงไม่ทิ้งลูกไปไกลแน่นอน

จากนั้นเพื่อนๆ ของเธอจึงเฝ้าติดตามเฟสบุ๊ค และพยายามสอบถามเรื่องราวต่างๆ เรื่องงานใน อบต.ที่ยังค้างอยู่ แต่คำตอบที่ได้กลับมา ไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะบางงานเสร็จไปแล้ว แต่เมื่อสอบถามการส่งงาน ผอ.อ้อย กลับเล่นเฟสมาว่า ทำไม่ได้ ยอมแพ้ ยอมทิ้งงาน ให้ใครทำก็ทำไป ซึ่งผิดกับนิสัยของ ผอ.อ้อย เพราะอ้อย เป็นคนรักงาน รับผิดชอบงาน และที่สำคัญงานที่ทวงถามไป ถูก ผอ.อ้อย ทำเสร็จ และส่งเรียบร้อยแล้ว จึงมั่นใจว่า ไม่ใช่ ผอ.อ้อย ที่เล่นเฟสบุ๊คแน่นอน และสุดท้ายอยู่ ๆ เฟสบุ๊คของผอ.อ้อยที่เคยเล่นก็หายไป แต่กลับมีภาพนายทหาร หลุดเข้ามาในเฟสของ อ้อย แทน

เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งของ ผอ.อ้อย ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน ปังปัง ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านภูมิชรอล ทางขึ้นเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นจุดที่ ผอ.อ้อย ได้รู้จักกับนายทหารยศร้อยเอก ที่ผอ.บอกว่าจะไปทวงเงิน ซึ่งเป็นถึง ผู้บังคับกองร้อย อาวุธเบาที่ 2 กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 6 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชการธานี ยอมในการเปิดเผยข้อมูลให้ทราบว่า เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2558 ซึ่งเป็นวันเกิดของสามีตน ตนได้จัดกินข้าวเย็นกันปกติในบรรดาเพื่อนสนิทกัน และในจำนวนนั้นก็มี ผอ.อ้อย และ ผู้กองทหารคนนั้นด้วยซึ่งเป็นลูกค้าประจำที่ร้านปังปังแห่งนี้ โดยตนจะเปิดร้าน 06.00 ปิดร้านตอน 18.00 น.ทุกวัน โดยที่ร้านจำหน่ายกาแฟ สเต๊ก ไม่มีเครื่องดื่มของมึนเมาแต่อย่างใด และที่มากที่สุดนอกจากส่วนงานราชการ อบต.แล้ว ก็คือ เหล่าบรรดาทหารๆ ที่มาประจำการอยู่ในแถบนี้ นับตั้งแต่เกิดปัญหาข้อพิพาษปราสาทเขาพระวิหาร แม้จะมีการถอนกำลังออกไป แต่ก็ยังดูแลความสงบเรียบร้อยอยู่บ้าง

จากนั้น สองคนก็รู้จักกันจนสนิทและยอมให้กู้ยืมเงินกัน แต่ก็เห็นว่า เพื่อนๆ ทหารเล่าว่า ผู้กองนายนี้ชอบเล่นการพนันอยู่เนืองๆ ตนจึงไม่มั่นใจ ในการเป็นพยานในการกู้เงินของ ผู้กอง ซึ่งยอมให้ตนยึดบัตร ATM เอาไว้ ซึ่งตอนหลังมาทราบว่า กดเอาเงินคืนไม่ได้ จนเมื่อปลายเดือน มิถุนายน 2560 ผอ.อ้อย ส่งข้อความในไลน์มือถือตน ชวนไปในค่ายทหาร ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันว่า ไปทวงหนี้ ผู้กอง แต่ตนก็แจ้งไปว่า เปิดร้าน ช่วงนี้ไม่ว่าง สาเหตุที่ชวนตนไป เพราะตนเคยรับรองการยืมเงินระหว่างผู้กอง กับ ผอ.อ้อย จนผู้กอง นำบัตร ATM มาฝากให้ตนยึดไว้ว่าจะใช้หนี้แน่ ๆ เมื่อตนไม่ว่าง ผอ.อ้อย ก็เดินทางไปคนเดียวในวันที่ 3 กรกฎาคม 2560 ภายหลังจากไปส่งลูกสาวไปโรงเรียนในตัวเมืองกันทรลักษ์ และจากนั้น ผอ.อ้อย ก็หายไป

เวลาผ่านไปหลายวัน จนวันที่ 20 กรกฎาคม 2560 ครอบครัวของ ผอ.อ้อย โดย นายบุญเลิศ และนางแหลม อุ่นอ่อน บิดา – มารดา ของ ผอ.อ้อย ได้เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรบึงมะลู ถึงการหายตัวไปของ ผอ.อ้อย ลูกสาวตน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจบึงมะลู ก็ได้ตั้งสำนวนส่งมอบให้กับชุดสืบ ได้ติดตามเกาะรอยตามพยานมาสอบถามจำนวนกว่า 20 ปาก ได้ข้อมูลครบถ้วนพอสมควร จึงรายงานให้ พลตำรวจตรี สุระเดช เด่นธรรม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับทราบ หลังจากนั้น ครอบครัวของ ผอ.อ้อย ได้เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลให้ช่วยในการติดตามข่าวการหายตัวไปของลูกสาว ทำให้เกิดข่าวโด่งดังขึ้นมา เพราะการหายตัวไปของ ผอ.อ้อย ไปเกี่ยวพันกับนายทหาร ยศร้อยเอก จึงหวั่นอิทธิพลย้อนกลับมาสู่ครอบครัว

ในวันนี้คงมีคำถามว่า ผอ.อ้อยเป็นใคร มีเงินมากแค่ไหน ทำไมถึงได้ปล่อยกู้และนายทหารคนดังกล่าว กู้เงินไปเท่าไหร่ นั่นคือสิ่งที่สังคมต้องการ

ผอ.อ้อย ไม่ใช่เจ้าแม่เงินกู้ เป็นผู้ที่มีน้ำใจ ทำไมต้องอุ้ม

ผอ.อ้อย ไม่ใช้เจ้าแม่ปล่อยเงินกู้ เป็นแค่ผู้ที่มีน้ำใจ ทำไมต้องอุ้ม หายตัวไป ใครเป็นคนอุ้ม

ข้อมูลนี้ได้มีเพื่อนๆ ทั้งในหมู่บ้าน ใน อบต.เพื่อนๆ ข้างนอก ตามร้านอาหาร ที่ ผอ.อ้อย เคยรู้จัก บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ผอ.อ้อย เป็นคนมีเงิน เงินจากการประหยัด อดออม โดยดูจากรายได้ของผอ.อ้อยคือ เงินเดือนสามีที่เป็นต้นหน เรือเดินทะเล เงินเดือนเป็นแสน ๆ เพราะรับเงินเดือนเป็นเงินดอลลาร์ส่งมาให้ ผอ.อ้อย เก็บเดือนละกว่า 5 – 6 หมื่นบาท โดยสามีของผอ.อ้อยนั้น จะไปทำงานคราวละ 7-8 เดือน ก่อนจะกลับบ้านมาพัก 2 เดือนแล้วกลับไปใหม่ และยังมีเงินเดือนจากตำแหน่ง ผอ.กองการศึกษาตกเดือนละเกือบ 3 หมื่นนอกจากนั้นยังมีเงินจากการขายยางพาราที่พ่อแม่แบ่งให้ทำกินเป็นกรรมสิทธิ์ อีก 15 ไร่ จากพ่อแม่ที่มีมากกว่า 50 ไร่

ประกอบกับเธอยังเป็นคนขยันทำงาน อดออม เวลาเพื่อนๆ มีปัญหาเงินขาดมือก็ได้อาศัย ผอ.อ้อย ในการขอยืมไปใช้จ่าย เรียกได้แทบทุกคนใน อบต. เพื่อนๆ ร้านอาหารที่รู้จัก รวมทั้งร้าน ปังปัง ที่เคยหยิบยืมเงินจาก ผอ.อ้อยด้วย ทุกคนรู้กันว่าเธอเป็นคนมีเงิน และเป็นคนใจดี แต่ไม่ใช่เจ้าแม่เงินกู้ และเหตุนี้เอง จนเป็นที่รู้จักของนายทหาร และมาขอยืมเงินไปใช้บ้าง พร้อมกับยอมให้ยึดบัตร ATM ของนายทหารคนนั้นเอาไว้เป็นหลักประกัน แต่เนื่องจากเคยยืม เคยได้จากการส่งคืน ไว้ใจทั้งประวัติการยืม ส่งคืนตรง จึงได้มีการเพิ่มยอดขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับ ผอ.อ้อย มีเงินก้อนโต ในการที่พ่อบุญเลิศ และสามี กู้ยืมสหกรณ์ ของ ผอ.อ้อย ที่มาทำบ้านหลังโต วางงบไว้ราว 5 ล้านบาท แต่เงินได้ถูกนายทหารยืมไปก่อน ในที่สุดมากเกินกำลังที่จะหาเงินมาส่ง จึงได้มีการเลื่อนนัดหมายส่งเงินคืนมาโดยตลอด จนเป็นเหตุให้ ผอ.อ้อย เดินทางไปทวงหนี้ในค่ายทหาร ก่อนที่จะหายตัวไป

ผอ.อ้อย ไม่ใช่เจ้าแม่เงินกู้ เป็นผู้ที่มีน้ำใจ ทำไมต้องอุ้ม

ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ได้พยายามติดตามแกะรอยหาหลักฐาน การเชื่อมโยงกับคนมีสี ผอ.อ้อย หายตัวไปตรงไหน อยู่กับใครคนสุดท้าย โดยเฉพาะฝ่ายทหาร ที่ถูกมองว่าเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างมาก ในการหายตัวไปของ ผอ.อ้อย ก็ออกมายืนยันพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการติดตามทำคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชาวบ้านทั้งหมู่ที่ 3 และหมู่ที่ 7 ก็พยายามเดินทางขึ้นภูเขา ติดตามหาร่าง ผอ.อ้อย แทบทุกวัน ทั้งร้อน ทั้งเหนื่อย ขณะที่ผู้ที่กินไม่ได้ นอนไม่หลับก็คือ นายบุญเลิศ - ยายแหลม สองสามีภรรยา ผู้เป็นบิดา – มารดา นอกเหนือจาก นายวิทยา เกษแก้ว สามี ผอ.อ้อย ที่พยายามข่มใจบอกกับลูกสาว 8 ขวบทุกวันว่า แม่ไปอบรม ไปประชุม เดี๋ยวก็กลับมา แต่แม่ไปนานมากในครั้งนี้

ในวันนี้ คำถามที่คนในครอบครัว และเพื่อนพ้องที่รู้จักผอ.อ้อยคอยถามอยู่ตลอดเวลาคือ ผอ.อ้อยอยู่ที่ไหน เสียชีวิตแล้วหรือยัง ใครพาไป และเมื่อไหร่เธอจะกลับมา

ที่สำคัญที่สุด ลูกสาวของผอ.อ้อยทุกวันนี้ ยังรอคอยแม่กลับบ้าน

  ผอ.อ้อย ไม่ใช่เจ้าแม่เงินกู้ เป็นผู้ที่มีน้ำใจ ทำไมต้องอุ้ม

ผอ.อ้อย ไม่ใช่เจ้าแม่เงินกู้ เป็นผู้ที่มีน้ำใจ ทำไมต้องอุ้ม