16อดีตพนง.โรงแรมดังโวย เจ้าของสายการบิน ลอยแพไม่จ่ายค่าจ้าง

16อดีตพนง.โรงแรมดังโวย เจ้าของสายการบิน ลอยแพไม่จ่ายค่าจ้าง

คืบหน้า! 16อดีตพนักงานโรงแรมดัง รวมตัวร้องศูนย์ดำรงธรรมเชียงใหม่ ถูกเจ้าของสายการบินดังลอยแพไม่จ่ายค้าจ้าง ขณะที่พนักงานอีก70ชีวิตประสบชะตากรรมเดียวกัน และนับสิบรายไม่มีเงินจ่ายค่าที่พักต้องเก็บของมาใช้ชีวิตอยู่ภายในโรงแรมแทน

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2560 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนว่า ขณะนี้ได้มีพนักงานโรงแรมชื่อดัง ใกล้ย่านเศรษฐกิจกลางเมืองเชียงใหม่ จำนวนกว่า 80 คน กำลังได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากเจ้าของกิจการ ซึ่งเป็นเจ้าของสายการบิน ไม่จ่ายค่าจ้างหรือเงินเดือน เป็นเวลากว่า 4 เดือนแล้ว ตั้งแต่เดือนเมษายน 2560 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีพนักงานบางส่วนได้ลาออกจากงาน และถูกขอให้ออกจากงาน และยังไม่ได้รับค่าจ้างหรือค่าชดเชยใดๆ และอีกส่วนหนึ่งจำนวนกว่า 70 คน จนจำใจต้องทำงานต่อแม้ไม่ได้รับเงิน เนื่องจากถูกยึดห้องพักที่เช่าอยู่ไปหมดแล้ว เพราะไม่มีเงินจ่าย และย้ายไปพัก และกินข้าวฟรี ภายในพื้นที่โรงแรมเพื่อรอจนกว่าทางโรงแรมจะจ่ายเงินเดือนที่คงค้าง รวมทั้งหมดเป็นเงินกว่า 5 ล้านบาท

ทั้งนี้ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมอดีตพนักงานจำนวน 16 คน นำโดยเชียงใหม่ นายณัฏฐ์นนท์ พูลอร่าม อดีตผู้จัดการทั่วไป เข้าร้องเรียนและขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ และยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ผ่าน นายธรรศณัฏฐ์ นุชแสงพลี สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดเชียงใหม่ ให้ช่วยเร่งรัดนายจ้าง เจ้าของโรงแรมจ่ายค่าจ้างที่ยังค้างอยู่ ตั้งแต่เดือนเมษายน – มิถุนายน ที่ผ่านมา ประกอบด้วยเงินเดือน, เงินประกันพนักงาน, ค่าชดเชยกรณีเลิกจ้างไม่เป็นธรรม เป็นจำนวนเงิน 933,163 บาท ซึ่งทางสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดเชียงใหม่ ก็ได้นัดทางเจ้าของโรงแรมเพื่อมาสอบถามและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ หรือจ่ายค่าจ้างที่คงค้าง แต่ก็ยังไม่มาปรากฏตัวแต่อย่างใด

นายณัฏฐ์นนท์ พูลอร่าม อดีตผู้จัดการทั่วไป กล่าวว่า ผู้บริหารได้มาซื้อกิจการโรงแรมต่อจากเจ้าของเดิมได้เป็นเวลา 2 ปี 2 เดือนแล้ว ที่ผ่านมาการดำเนินกิจการทุกอย่างปกติดี แต่ละเดือนมีทั้งลูกค้าทั้งชาวไทย และต่างประเทศที่มาพักอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการจัดเลี้ยง และจัดประชุมอีกจำนวนมาก เมื่อคำนวณหักค่าใช้จ่ายและค่าจ้างพนักงานแล้วก็ยังมีกำไรจำนวนมากเพียงพอที่จะจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานได้

กระทั่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทางโรงแรมกลับผ่อนผันการจ่ายค่าจ้างของพนักงานทุกคน โดยผ่อนผันครั้งละ 10-15 วัน เมื่อมีการสอบถามไปทางผู้บริหารก็แจ้งแต่เพียงว่า ขณะนี้ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และไม่สามารถจ่ายค่าจ้างได้ตามปกติ จนผ่านไปถึง 3 เดือน ทุกคนก็ยังไม่ได้รับค่าจ้างงานแต่อย่างใด และไม่สามารถติดต่อกับผู้บริหารได้โดยตรง หากทวงถามหรือแจ้งความประสงค์จำเป็นต้องใช้เงินด่วนไปทางฝ่ายบัญชีโรงแรมแทน ทำให้พนักงานบางส่วนเดือดร้อนขัดสน และต้องลาออกจากงาน โดยตนได้ลาออกมาเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา

ขณะที่ยังมีพนักงานอีกบางส่วนที่ไม่สามารถไปไหนได้ เพราะถูกยึดรถ และถูกปิดล็อคห้องเช่า เนื่องจากค้างชำระเป็นเวลาหลายเดือน และไม่สามารถนำข้าวของเครื่องใช้ภายในห้องออกมาได้จนกว่าจะชำระเงินครบ จึงต้องย้ายมาพักอาศัยอยู่ในโรงแรม และอาศัยข้าวและเครื่องดื่มที่เลี้ยงพนักงาน วันละ 4 มื้อแทน เพื่อรอจนกว่าจะได้เงินทั้งก้อนที่คงค้าง จำนวนกว่า 10 คน ส่วนบางคนที่มีบ้านมีรถของตนเอง ก็ต้องอดทนทำงานฟรีต่อไป ซึ่งเมื่อสอบถามว่าเหตุใดจึงไม่ไปทำงานที่อื่นก่อนเพื่อจะได้มีเงินใช้ ส่วนใหญ่ก็ได้รับคำตอบว่า หากไปที่ใหม่ก็ต้องทำงานอีกเป็นเดือนกว่าจะได้ค่าจ้าง และไม่รู้ว่าจะมีอาหารเลี้ยงหรือไม่

สำหรับพนักงานที่ออกจากงานแล้วจำนวน 16 คน ยังไม่ได้รับค่าจ้างเงินเดือน,เงินประกันฯ,ค่าชดเชยกรณีเลิกจ้างไม่เป็นธรรมเป็นจำนวนเงิน 933,163 บาท ขณะที่พนักงานที่ยังทำงานอยู่อีก 70 คน ไม่ได้รับค่าจ้างเงินเดือน,เงินประกันและ ที่สำคัญคือประกันสังคมที่เก็บจากพนักงานทุกคนทุกเดือน แต่บริษัทกลับไม่ได้นำไปชำระ ทำให้หากเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยต้องจ่ายเองทั้งหมด รวมเป็นเงินเดือนละนับล้านบาท

"ขณะนี้ทำได้เพียงรอกำหนดเวลา ของสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดเชียงใหม่ที่เรียกตัว พ.ต... ภายในระยะเวลา 30 วัน ก่อนจะเข้าสู่การแจ้งความ และฟ้องร้องต่อไป ซึ่งยังไม่รู้ว่าการดำเนินการตามขั้นตอนไปจนถึงเสร็จสิ้นกระบวนการ และชดเชยเงินตามจำนวนจะต้องใช้เวลาอีกเท่าใด เพราะยิ่งนานวัน พนักงานทุกคนยิ่งเดือดร้อนหนักมากขึ้นเรื่อยๆ” นายณัฏฐ์นนท์กล่าว

อย่างไรก็ตาม ทางผู้สื่อข่าวก็ได้มีการพยายามติดต่อทางโทรศัพท์ไปยัง พ.ต. ซึ่งเจ้าของสายการบิน เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว แต่กลับไม่สามารถติดต่อได้แต่อย่างใด พร้อมกันนี้ได้ พยายามติดต่อกับผู้จัดการโรงแรมคนปัจจุบัน ก็ไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ได้เช่นกัน โดยทางพนักงานแจ้งว่า ให้ติดต่อกับผู้บริหารโดยตรงดีกว่า ส่วนทางศูนย์ดำรงธรรมเชียงใหม่แจ้งว่าขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 15 วัน คาดว่าจะทราบผลการตรวจสอบปลายสัปดาห์หน้า