Retail Market Monitor (17 ส.ค.60)

Retail Market Monitor (17 ส.ค.60)

ฟื้นตัวจากรายงานการประชุมเฟด หนุนพันธบัตรและสินทรัพย์เสี่ยง

ภาพรวมการรายงานผลการดำเนินไตรมาส 2/60 ของหุ้นไทย มีกำไรต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดอยู่ 7.7% (ขณะที่สหรัฐ หรือ S&P500 มีกำไรดีกว่าที่คาดราว 4.5%) โดยกลุ่มที่ดีกว่าคาดคือสินค้าอุปโภคบริโภค, สื่อสารและสาธารณูปโภค ซึ่งเป็นปัจจัยที่ถ่วงให้ดัชนียังแกว่งตัวในกรอบ อย่างไรก็ตามคาดหุ้นรายตัวที่ผ่านจุดแย่ที่สุด และหลังรับรู้งบที่อ่อนแอไปแล้ว จะมีโอกาสฟื้นตัว ขณะที่หุ้นไทยน่าจะได้อานิสงค์จากการที่รายงานเฟดระบุกรรมการส่วนใหญ่มีความเห็นให้รอเงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้นก่อนปรับขึ้นดอกเบี้ยในรอบต่อไป ซึ่งสภาวะดังกล่าวยังคงเป็นบวกต่อการลงทุนในพันธบัตรและสินทรัพย์เสี่ยง

ภาพรวมกลยุทธ์: ตลาดยังไม่กลับเป็นบวกหากไม่สามารถกลับมายืนเหนือ 1570 จุด เรามองการปรับลงเป็นจังหวะดีในการเลือกสะสมหุ้นที่ยังมีการถือครองน้อย ราคาไม่แพงเกินไป และมีแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในครึ่งปีหลัง เก็งกำไรระยะสั้นเน้น กลุ่มเกษตร เดินเรือ ไฟฟ้า (บางตัว) การเก็งกำไรเน้นเลือกหุ้นที่ยัง Laggard และตั้งจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง // หุ้นแนะนำ PTG*, BANPU, CPF //ประเด็นเก็งกำไร TTA*, TIP*

ประเด็นการลงทุน

รายงานการประชุมเฟด – กรรมการเฟดหลายรายยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าจะยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับเป้าหมายที่ 2% ต่อไปอีกเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ พรอ้มเสนอว่าควรรอให้สถานการณ์เงินเฟ้อส่งสัญญาณที่ดีขึ้นก่อนจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งต่อไป

โภคภัณฑ์ – ราคาน้ำมันปรับลงต่อหลัง EIA รายงานการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี สกัดปัจจัยบวกจากสต๊อกน้ำมันดิบที่ลดลง / ค่าระวางเรือ (BDI) ปิดที่ 1,207.00 จุด (+3.25%) / ราคาโลหะรวมถึงทองแดงพุ่งขึ้นตอบรับอุปสงค์โลกที่คาดแข็งแกร่งและภาวะอุปทานที่ตึงตัว (สังกะสีทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 10 ปี, ทองแดงทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี) / ถ่านหิน (Newcastle) ปิดที่ 97.45 เหรียญ/ตัน (+2.63%)

ผลการประชุมกนง. – มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.50% ตามคาด พร้อมระบุเศรษฐกิจมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีจากการส่งออกที่ขยายตัว / อุปสงค์ในประเทศขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปและยังไม่กระจายตัว / อัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอตัวกว่าคาดจากฐานที่สูงในปีก่อน (ภัยแล้ง) ในขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ยังคงอยู่ในระดับต่ำ / หนี้เอสเอ็มอี, ดอกเบี้ยต่ำนาน, ตลาดเงินผันผวน ยังเป็นปัจจัยเสี่ยง / พร้อมระบุทบทวน GDP ปี 60-61 และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปใหม่ในการประชุมครั้งหน้าโดยจะนำผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมเข้ามาประเมินด้วย เบื้องต้นมองความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 7.5 พันลบ

ประเด็นติดตาม: 25 ส.ค. – ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีจำนำข้าว / 31 ส.ค. - ธปท.ผลักดันมาตรฐานกลาง QR code เพื่อการชำระเงิน /16 ก.ย. ภาษีสรรพสามิตใหม่
แนวรับ 1560/แนวต้าน : 1565-70 จุด สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH)



หุ้นแนะนำ

• PTG* (20) : ราคาปรับลดลงสะท้อนผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกที่ลดลง 27% จากปีก่อน แต่คาดเดินหน้าดีขึ้นในไตรมาส 3/60 จากค่าการตลาดที่กว้างมากขึ้น ส่งผลให้กำไร 9M60 มีแนวโน้มสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าได้

• BANPU (24) : รายงานผลการดำเนินงานแข็งแกร่งตามคาด ทั้งจากราคาถ่านหินที่สูงขึ้นในปีนี้ และธุรกิจไฟฟี้ท่ดีขึ้นจากโรงไฟฟ้าหงสาที่ลาว ทำการผลิตได้ราบรื่น จึงมีชั่วโมงจ่ายไฟที่เพิ่มขึ้น

• CPF (36) : ราคาปรับลดลงจนอยู่ในจุดที่น่าสนใจ คาดไตรมาส 2/60 แย่สุด แต่ครึ่งปีหลังแนวโน้มฟื้นจากสถานการณ์หมูในเวียดนามดีขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบถูก ขณะที่ตัวเลขการส่งออกกุ้งไปสหรัฐฯ ทำจุดสูงสุด

• ประเด็นลงทุน: TTA* (ดัชนี BDI เข้าสู่ช่วง high season และคาดผลการดำเนินงานฟื้นตัว และบริษัทมีแถลงข่าวผลการดำเนินงานวันนี้ 17 ส.ค.) / TIP* (ราคาปัจจุบันซื้อขายที่เพียง 8.4x PER ขณะที่ปันผลทั้งปีราว 6% โดยคาดจ่ายระหว่างกาล 0.75-1.00 บาท หรือคิดเป็น Div Yield 1.7-2.2%)