MORNING CALL ACTION NOTES (17 ส.ค.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (17 ส.ค.60)

Selective Buy

ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งตัวแคบ เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุนหลังสิ้นสุดการประกาศงบ Q2/17 รวมถึงดีดตัวตอบรับสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีที่ผ่อนคลายลงไปแล้วเมื่อวันก่อน ส่งผลให้ SET ปิดที่ 1,567.52 จุด (+0.33 จุด) Vol. 3.7 หมื่นลบ. โดย Foreign Net +112 ลบ. TFEX Net -9,556 สัญญา ตราสารหนี้ -754 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ รายงานการประชุมเฟดประจำเดือนก.ค. เจ้าหน้าที่เฟดระบุว่าเฟดควรรอสถานการณ์เงินเฟ้อส่งสัญญาณดีขึ้นก่อนจะปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไป และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับเป้าหมาย 2%

+/- ตลาดหุ้น DJ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ตอบรับรายงานการประชุมเฟด แต่ถูกกดดันจากปัจจัยการเมืองหลังปธน. ทรัมป์ ประกาศยุบสภาที่ปรึกษา 2 ชุด เนื่องจากความเห็นที่ขัดแย้งเกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรงในเมืองชาร์ล็อตส์วิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย

- ราคาน้ำมันปรับตัวลงล่าสุด 46.9 us/barrel หลังการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปี โดยเพิ่มขึ้น 79,000 บาร์เรล/วัน สู่ 9.502 ล้านบาร์เรล/วัน แม้ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะร่วงลง 8.95 ล้านบาร์เรล

+/- Fund Flow ต่างชาติพลิกเป็น Net Buy 5 วันต่อเนื่องราว 3.8 พันลบ. แต่เป็น Net Short TFEX 3 วันราว 3.7 หมื่นสัญญา และตั้งแต่ต้นเดือนส.ค.ยังเป็น Net Sell 3.9 พันลบ.

+/- กนง.มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% ตามคาดเพื่อหนุนต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ พร้อมจับตาหนี้เสีย SME

ภาวะตลาดหุ้นไทยได้ sentiment เชิงบวกจากเจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยหลังอัตราเงินเฟ้อยังต่ำกว่าเป้าหมาย รวมถึง Fund Flow ต่างชาติพลิกเป็น Net Buy 5 วันราว 3.8 พันลบ. อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงจะเป็นแรงกดดันต่อกลุ่มพลังงานและดัชนี ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,560 – 1,575 จุด

กลยุทธ์การลงทุน Selective Buy

- AOT กรมธนารักษ์สรุปค่าเช่าสนามบินสุวรรณภูมิ โดยจ่ายพื้นที่เชิงพาณิชย์แบบ ROA ที่ 4% ส่วนฟรีโซน 0% และไม่คิดย้อนหลัง 5 ปี

- BANPU ราคาถ่านหินพุ่งสูงสุดรอบ 9 เดือนล่าสุด 97.4 US/Ton

- กลุ่มเดินเรือ ค่าระวางทำ High ในรอบ 4 เดือนล่าสุด 1,207 จุด

- PDI ราคาสังกะสีทรงตัวระดับสูงล่าสุด 2,955 US/Ton

- TOP SPRC กลุ่มโรงกลั่น ค่าการกลั่นทรงตัวระดับสูงราว 6 – 7 US/Barrel

- SYNEX COM7 SIS MGT กลุ่มนำเข้าได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า

หุ้นแนะนำพิเศษ

BANPU Analyst Meeting (ราคาปิด 17.10 Bloomberg Consensus 22.21)

- คาดราคาถ่านหินทรงตัวระดับสูงจากกีดกันไม่ให้นำเข้าถ่านหินในท่าเรือเล็ก และอุปทานจากอินโดนีเซียลดลงหลังฝนตกสูงสุดในรอบ 7 ปีทำให้ผลิตถ่านหินได้ลดลง อย่างไรก็ตามบริษัทจะไม่ได้ประโยชน์จากการปรับตัวขึ้นของราคาถ่านหินเท่า 1H60 เนื่องจากทำสัญญาขายถ่านหินแล้ว 68% เหลืออีก 32% ที่อิงตามราคาตลาด

- ธุรกิจโรงไฟฟ้าผลประกอบการปรับตัวดีขึ้นจากโรงไฟฟ้าหงสาที่เดินเครื่องได้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นจาก 70% เป็น 87% และโรงไฟฟ้า BLCP ยังเดินเครื่องได้เต็มประสิทธิภาพที่ 100% อย่างไรก็ตามผลประกอบการโรงไฟฟ้าจีนปรับตัวลงจากความต้องการใช้ไฟฟ้าเข้าสู่ช่วง low season ขณะที่ต้นทุนถ่านหินปรับตัวขึ้น

- ความเห็น คาดผลประกอบการ 3Q60 อาจะไม่โดดเด่นเท่า 2Q60 โดยยังได้รับแรงหนุนจากธุรกิจถ่านหลังราคาถ่านหินทรงตัวในระดับสูงสุดในรอบปีที่ 97.45 $/Ton แต่ธุรกิจโรงไฟฟ้าอาจอ่อนตัวลงจากไตรมาส 2 เพราะโรงไฟฟ้าหงสามีหยุดซ่อมบำรุง 6 สัปดาห์และโรงไฟฟ้า BLCP หยุดซ่อมบำรุง 2 สัปดาห์ในปลาย 3Q60


หุ้นมีข่าว

- BIZ (ราคาปิด 4.3 ราคาเหมาะสม 5.13 กำลังทบทวนประมาณการเชิงลบ) โชว์ผลงานไตรมาส 2/2560 สุดยอด กวาดรายได้กว่า 230.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 116.11% กำไรแตะ 16.51 ล้านบาท ทะยาน 103.94% อานิสงส์ยอดขายทะลัก ส่วนงวด 6 เดือน กำไรโต 143.23% ด้านซีอีโอเดินหน้าติดตั้งเครื่องฉายรังสีมะเร็ง และส่งมอบงานตามแผนงานที่วางไว้ ตุนงานในมือกว่า 1.3 พันล้านบาท คาดทยอยรับรู้รายได้ปีนี้และปีหน้า พร้อมรุกงานทั้งภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้น (ที่มาทันหุ้น)

   ความเห็น บริษัทยังไม่มีงานส่งมอบเครื่องฉายรังสีในไตรมาส 4 ทำให้รายได้ปี 60 อาจะไม่เติบโตจากปี 59 ที่ 600 ล้านบาท โดยรายได้ 4Q60 จะปรับตัวลงจากไตรมาส 2/60 และ 3/60 ที่มีการส่งมอบเครื่องฉายรังสี นอกจากนี้อัตรากำไรขั้นต้นใน 2Q60 อยู่ที่ 13% ซึ่งต่ำกว่าที่เราประมาณการไว้ที่ 20% ทำให้เรามีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรปี 60 ลงจาก 83 ล้านบาท

- PTTEP (ราคาปิด 84.75 Bloomberg Consensus 98.11) มั่นใจชนะประมูลสัมปทานแหล่งบงกช-เอราวัณ จากประสบการณ์ลงทุนระบบแบ่งปันผลผลิตในตปท. (ที่มาอินโฟเควสท์)

  ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อ PTTEP เพราะเป็นผู้รับสัมปทานแหล่งบงกชเดิม จึงมีความรู้และความชำนาญในการสำรวจและผลิต นอกจากนี้หากบริษัทชนะประมูลช่วยลดความกังวลเรื่องกำลังการผลิตที่มีแนวโน้มปรับตัวลง อีกทั้งไม่มีค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนแท่นผลิตในอนาคต

- WHAUP (ราคาปัจจุบัน 6.35 บาท ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 7.20 บาท) จากที่ประชุม ทางผู้บริหารยังคงแผนการ COD โรงไฟฟ้าที่ WHAUP เข้าไปถือหุ้นตามเดิม คือ ปี 60 มี GTS2 และ GTS3 ในเดือน ก.ย. และ พ.ย. ที่จะถึงนี้ และคิดเป็น Equity MW ที่ 32.5 MW และ 31.3 MW คิดเป็นกำลังการผลิตส่วนของบริษัท ณ สิ้นปี 60 ที่ 478.4 MW และปี 61 - 62 มี GTS4 เดือน ม.ค. 61 ได้ 31.3 MW และ GNLL เดือน ม.ค. 62 ได้ 30 MW ส่วนธุรกิจน้ำอุตสาหกรรม ยังเป็นไปตามแผน คือ ณ สิ้นปี 60 ที่ 100 ล้าน ลบ.ม./ปี (ปัจจบัน 96 ล้าน ลบ.ม./ปี) เนื่องจากโรงไฟฟ้าที่ COD จะมี Demand ส่วนเพิ่มราวที่ละ 1 ล้าน ลบ.ม./ ปี

  ความเห็น การทยอย COD ของ รฟฟ.อย่างต่อเนื่องในปี 60 ถึง 4 แห่ง จะส่งผลเต็มปี ในปี 61 มาช่วยหนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การที่ WHAUP เป็นผู้ให้บริการสาธารณูปโภคแก่โรงงานอุตฯ (ปัจจุบันมี น้ำ และพลังงานไฟฟ้า) ที่ตั้งอยู่ในนิคมฯของ WHA แต่เพียงผู้เดียว จักเป็น Upside risk หากการพัฒนาและขายที่ดินของ WHA ดำเนินไปได้ดี ราคาปัจจุบัน Upside 13.4%

- INTUCH เตรียมดัน"วงใน"เข้า mai ใน 2 ปี รับปีนี้รายได้หด 10-12% รับผล THCOM เสียลูกค้ารายใหญ่

- JSP อวดผลงาน Q2/60 ทุบสถิติใหม่ กวาดรายได้ 1,036.11 ล้านบาท โต 112.26% กำไรสุทธิ 6.48 ล้านบาทมั่นใจแนวโน้มครึ่งปีหลังเติบโตดีต่อเนื่อง ตุน Backlog กว่า 3,800 ล้านบาท บุ๊ครับรู้รายได้ครึ่งปีหลัง 3,000 ล้านบาท มั่นใจรายได้ทั้งปีแตะ 5,000 ล้านบาท เติบโตไม่น้อยกว่า 20% (ASTVผู้จัดการออนไลน์)

  ความเห็น ฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการกำไรปี 60 ในเชิงลบเนื่องจากกำไร 1H60 ที่ 54.4 ลบ.คิดเป็น 16% ของประมาณการทั้งปีที่ราว 336 ล้านบาทเนื่องจาก Gross Margin ใน 2Q60 ลดต่ำกว่าคาดการณ์อย่างมากเหลือ 21% เทียบกับสมมติฐานทั้งปีที่ราว 31%

- PACE ส่งงบ 2Q60 พลิกมีกำไร 5,310 ลบ.จากขาดทุน 640 ลบ. ใน 2Q59 1H60 มีกำไรสุทธิ 4,735 ลบ. พลิกจากขาดทุน 573 ลบ. ทั้งนี้ตลท.ได้สั่งแขวน SP เนื่องจากผู้สอบบัญชีไม่ให้ข้อสรุปต่องบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมเนื่องจากความไม่แน่นอนอย่างเป็นสาระสำคัญของการประมาณการรายได้ของจุดชมวิว ซึ่งเห็นว่าอาจมีผลกระทบอย่างมีสาระสำคัญต่องบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวม ซึ่งบริษัทได้ชี้แจงถึงสมมติฐานของบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระว่าได้จากการเปรียบเทียบจำนวนผู้เข้าชมจุดชมวิวกับตึกชมวิวตามประเทศต่างๆ 9 แห่งทั่วโลก รวมถึงเทียบกับตึกใบหยกที่สูงเป็นอันดับ 2 ในประเทศไทย ที่ปัจจุบันมีจำนวนผู้เข้าชมตึกเป็นจำนวนมากกว่า 1 ล้านคนต่อปี และเปรียบเทียบจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าในประเทศไทยสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก โดยประมาณการว่าจุดชมวิวสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 3 ล้านคนต่อปี ซึ่งหากก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มเปิดดำเนินการได้บริษัทจะมีรายได้ตามสมมุติฐานดังกล่าว

  ความเห็น ผลการดำเนินงานหลักยังขาดทุน 1,912 ลบ. แม้มีรายได้หลักกว่า 66% ของรายได้รวมมาจากการโอนโครงการมหานคร 1,692 ลบ. +75%YoY แต่เมื่อรวมผลกระทบจากการสูญเสียอำนาจควบคุมในบริษัทย่อย 8.8 พันลบ. หลังบันทึกมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนจำนวนเงิน 8,231 ล้านบาทของกลุ่มบริษัท อพอลโล โกลบอล แมเนจเมนท์ และโกลด์แมน แซคส์ ที่เข้ามาลงทุนในบริษัท เพซ โปรเจ็ค วัน จำกัด และบริษัท เพซ โปรเจ็ค ทรี จำกัด เพื่อร่วมลงทุนใน 3 ส่วนหลักของโครงการมหานคร ได้แก่ โรงแรมบางกอก เอดิชั่น ส่วนรีเทล มหานคร คิวบ์ รวมถึงจุดชมวิวออบเซอร์เวชั่นเด็ค และรูฟท็อปบาร์ ขณะที่ D/Eล่าสุดแม้จะลดเหลือ 4.4 เท่าจาก 17.84 เท่า ณ ปลายปี 59 ทำให้เราค่อนข้างกังวลถึงฐานะการเงินที่อ่อนแอและความสามารถในการทำกำไรที่แท้จริงของบริษัท

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ

ตลาดหุ้นดาวโจนส์ +25.88 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,024.87 จุด เพิ่มขึ้น 25.88 จุด หรือ +0.12% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,468.11 จุด เพิ่มขึ้น 3.50 จุด หรือ +0.14% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,345.11 จุด ลดลง 12.10 จุด หรือ +0.19% หลังจากรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดได้เสนอให้คณะกรรมการเฟดรอคอยให้เงินเฟ้อส่งสัญญาณดีขึ้น ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในสหรัฐได้สกัดแรงบวกในตลาด หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศยุบสภาที่ปรึกษา 2 ชุด สืบเนื่องมาจากความเห็นที่ขัดแย้งเกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นในเมืองชาร์ล็อตส์วิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย

ตลาดน้ำมัน NYMEX -0.77 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 77 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 46.78 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันที่สูงขึ้นในสหรัฐ แม้รายงานของ EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐปรับตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม

หุ้นเริ่มซื้อขายวันแรก : ZIGA (ราคา IPO 5.90 บาท)

- บมจ.ซิก้า อินโนเวชั่น เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย เหล็กโครงสร้าง และท่อร้อยสายไฟ ประเภท Pre-zinc (เหล็กเคลือบสังกะสี แล้วนำไปขึ้นรูป) ซึ่งมีคุณสมบัติทนทานต่อการผุกร่อนมากกว่าการผลิตเหล็กแบบปกติ มีกำลังการผลิตปัจจุบันอยู่ที่ 4.5 หมื่นตัน (สิ้นปี 59) โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ราว 8% มีรายได้หลัมากจากเหล็กโครงสร้างกว่า 90%

- เงินทุนที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 455.32 ล้านบาท หลักๆบริษัทจะใช้เพื่อการลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่ แบ่งเป็น เครื่องตัดม้วนเหล็ก และเครื่องจักรผลิตท่อเหล็ก ราว 350 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 105.32 ล้านบาท เป็นเงินทุนหมุนเวียน ความเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ การพึ่งพารายได้จากลูกค้ารายใหญ่รวมกันกว่า 60% ของรายได้รวม ล่าสุดรายงานกำไรงวด 2Q60 ออกมาลดลง 71%YoY ที่ 19.5 ล้านบาท หลักๆเกิดจากการชะลอการสั่งซื้อของลูกค้ารายใหญ่หลังหน้าฝนมาเร็วกว่าปกติ ทำให้ออเดอร์บางส่วนดีเลย์ไปต้นงวด 3Q60 และต้นทุนเหล็กที่เพิ่มขึ้นสูงขึ้น

- การกำหนดราคา IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ที่ 17.56 เท่า คำนวณจากผลประกอบการ 4 ไตรมาสล่าสุด (1 ก.ค.59-30 มิ.ย.60) ซึ่งเท่ากับ 174.48 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.336 บาท ขณะที่ PER เฉลี่ยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมตลาด MAI เท่ากับ 31.83 เท่า (ข้อมูลจาก Setsmart)