Daily Market Outlook (17 ส.ค.60)

Daily Market Outlook (17 ส.ค.60)

ปัจจัยแวดล้อมตลาดค่อยๆดีขึ้น

คาดหุ้นไทยขยับตัวเดินหน้าต่อวันนี้ จากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับเกาหลีเหนือผ่อนคลายลงอีก และตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดจากยุโรปและญี่ปุ่นออกมาดี แต่ตลาดไม่น่าจะไปได้ไกล เพราะความขัดแย้งเรื่องเกาหลีเหนืออาจปะทุกลับมาได้ทุกเมื่อ และการที่ Trump ยุบสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ 2 ชุด ถูกมองว่าน่าจะทำให้การออกกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจทำได้ยากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม รายงานการประชุม Fed ล่าสุดที่บ่งชี้การระมัดระวังการขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไป ถือเป็นบวกต่อตลาดหุ้น ในขณะที่ปัจจัยหนุนในประเทศวันนี้ไม่ค่อยมีอิทธิพลต่อตลาดนัก

หุ้นเด่นวันนี้: TTA (ราคาปิด 9.15 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 13 บาท)

TTA มีโอกาสฟื้นตัวในปีนี้โดยได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของค่าระวางเรือและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทลูกที่สูงกว่าคาด TTA รายงานกำไรปกติ (ไม่รวมกำไรพิเศษ) ในไตรมาส 2/60 ที่ 138 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนปกติในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 8 ล้านบาท และสูงขึ้น 706%QoQ สำหรับครึ่งหลังของปี 2660ดัชนีดัชนีค่าระวางเรือ (BDI) ล่าสุด ณ วันที่ 15 ส.ค. 60 ฟื้นตัวมาอยู่ที่ 1,169 จุด ปรับตัวสูงขึ้น 20% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยช่วงครึ่งแรกของปีที่ 974.8 จุด คาดดัชนีค่าระวางเรือฟื้นตัวต่อเนื่อง จาก (1) ความต้องการนำเข้าถ่านหินและแร่เหล็กคุณภาพสูงของจีนที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายควบคุมมลภาวะและเน้นการผลิตเหล็กคุณภาพสูง และ (2) จีนเร่งนำเข้าถ่านหินก่อนเข้าฤดูหนาว ภาพรวมอุตสาหกรรมเรือเทกองในช่วงที่เหลือของปีดูสดใสต่อเนื่องถึงปีหน้าจากการค้าที่ฟื้นตัว โดยองค์กรการค้าโลก (WTO) คาดว่าปริมาณการค้าทั่วโลกในปี 2560 จะเร่งตัวขึ้น 2.4% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 1.8% สำหรับธุรกิจอื่นๆ ของบริษัทมีแนวโน้มเติบได้ดีเช่นกัน ธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งของMML จะเข้า High Season ในไตรมาส 2 และไตรมาส 3สำหรับธุรกิจถ่านหินของ UMS จะปรับตัวดีขึ้นตามราคาถ่านหินที่ฟื้นตัว AWS คาดว่า TTA จะฟื้นตัวจากขาดทุนสุทธิในปี 2259 ที่ 418 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิในปี 2560 ที่ 1,543 ล้านบาทและปรับตัวเพิ่มขึ้น 14% เป็น 1,761 ล้านบาท สำหรับPrice Pattern ของ TTA กลับมาเกิดความแข็งแกร่งระยะสั้นจากการเกิด Daily Buy Signal แต่แนวโน้มหลักยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) จากการเกิดทั้ง Weekly & Monthly Sell Signal ทั้งนี้ Price Pattern ของ TTA จะกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่เมื่อสามารถปิดตลาดรายสัปดาห์ได้เหนือ 9.35 บาทเป็นอย่างน้อย และจะกลับมาเกิด Monthly Buy Signal ครั้งใหม่ ซึ่งจะทำให้แนวโน้มหลักเปลี่ยนไปสู่แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) เมื่อสามารถปิดตลาดรายเดือนได้เหนือ 9.95 บาทเป็นอย่างน้อย เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ TTA จากความแข็งแกร่งระยะสั้น มีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 11 บาท และมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 13.40 บาท ทั้งนี้ TTA มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 8.55 บาท (แนวต้าน: 9.20, 9.25, 9.30; แนวรับ: 9.10, 9.05, 9.00)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• คณะกรรมการนโยบายการเงินคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% โดยมองว่าระดับดอกเบี้ยดังกล่าวยังคงเหมาะสมกับการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ (บางกอกโพสต์)

• CAAT ช่วยเหลือสายการบินที่โดนคำสั่งห้ามบินโดย ICAOสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ตกลงที่จะให้ความช่วยเหลือสายการบินต่างๆ ที่จำเป็นต้องหยุดการบินระหว่างประเทศตามคำสั่งห้ามบินขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งจะมีการให้สัญลักษณ์ธงแดงเพื่อรอการประเมินในเดือนถัดไป โดยจะดำเนินการเพิ่มเที่ยวบินภายในประเทศเพิ่มเติมต่อวันต่อเส้นทางจนถึงเดือนมกราคม (บางกอกโพสต์)

• ธนาคารอาคารสงเคราะห์เสนอสินเชื่อบ้านในอัตราต่ำ ธอส. เสนอสินเชื่อบ้านในอัตราในอัตราต่ำเพียง 2.9% ต่อปี กำหนดระยะเวลาผ่อนชําระนาน 40 ปีเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายสินเชื่อ 178,000 ล้านบาท (บางกอกโพสต์)


ต่างประเทศ:

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงเมื่อวันพุธ เนื่องจากปธน.ทรัมป์ยุบสภาที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ 2 ชุด และรายงานการประชุมเฟดประจำเดือนก.ค. ที่ออกมาทำให้เกิดความกังวลทางเศรษฐกิจมากขึ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปิดที่ระดับ 2.227% ลดลง 4 bps จากเมื่อวันอังคาร (รอยเตอร์)

• ดอลลาร์สหรัฐอยู่ในแนวตั้งรับเช้าวันนี้ หลังรายงานการประชุมเฟดบ่งชี้ว่าคณะกรรมการเฟดเป็นกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลงในช่วงที่ผ่านมาไม่นาน และอาจทำให้ตัดสินใจเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปิดลบสู่ระดับ 93.46 จากระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อวันพุธที่ 94.145 (รอยเตอร์)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเล็กน้อยเมื่อวันพุธ แต่ต่ำกว่าระดับสูงสุดของวันเนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลมากขึ้นจากวาระการประชุมของทรัมป์ที่เกี่ยวกับความรุนแรงที่เมืองชาร์ล็อตต์สวิลล์ และรายงานการประชุมล่าสุดของเฟดซึ่งบ่งชี้ว่าคณะกรรมการเฟดเป็นกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่อ่อนตัว (รอยเตอร์)

• ทรัมป์ยุบสภาที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ 2 ชุดหลังจาก CEO ลาออกเพิ่มอีก 2 รายเมื่อวันพุธเพื่อตอบโต้กับความเห็นของทรัมป์เกี่ยวกับความรุนแรงในเมืองชาร์ล็อตต์สวิลล์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นายเจมส์ อเล็กซ์ ฟีลด์ส จูเนียร์ วัย 20 ปี ซึ่งอยู่ในกลุ่มคนผิวขาวที่รังเกียจสีผิวอื่น ๆ (white supremacist) ถูกกล่าวหาว่าสังหารผู้ต่อต้านการแบ่งแยกสีผิวรายหนึ่งและทำให้มีผู้บาดเจ็บ 19 ราย อย่างไรก็ตาม ทรัมป์แค่ประณามเหตุความรุนแรงดังกล่าวว่าเป็นเพราะมีความเห็นหลายข้างมาก ในขณะที่เพิกเฉยต่อความรุนแรงที่กลุ่ม white supremacist ได้ก่อขึ้น (รอยเตอร์)

ยุโรป:

• ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นวานนี้นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และน้ำมัน หนุนโดยราคาโลหะที่เพิ่มขึ้นและตัวเลข GDP ของยูโรโซนที่ปรับตัวดีขึ้น (รอยเตอร์)

• เศรษฐกิจแข็งแกร่ง:ตัวเลข GDP ยูโรโซนไตรมาส 2/60 ขยายตัว 0.6% QoQขณะที่ การเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถูกปรับขึ้นเป็น 2.2% จากคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 2.1% (รอยเตอร์)

• คาดกำไรรวมบริษัทยุโรปไตรมาส 2/60 เติบโต 15% YoYหรือ 12.8% YoYถ้าไม่รวมกลุ่มพลังงาน (ทอมสันรอยเตอร์)

เอเชีย:

• ภาคการก่อสร้างในจีนที่เติบโตแข็งแกร่งช่วยหนุนราคาเหล็กรวมถึงราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของโลกที่เริ่มการปรับโครงสร้างที่มีปัญหาอุปทานส่วนเกินด้วยการด้วยการปิดกำลังการผลิตที่ล้าสมัย (รอยเตอร์)

• ยอดส่งออกของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่แปดติดต่อกันในเดือนกรกฎาคม โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออกสินค้าไปจีนและสหรัฐฯ ที่ยังแข็งแกร่ง ยอดการส่งออกรวมในเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 13.4%YoYใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 13.6%YoY เร่งตัวจาก 9.7%YoY ในเดือนมิถุนายน (รอยเตอร์)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• ราคาน้ำมันปรับตัวลงมากกว่า 1% เมื่อวันพุธ แม้สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะลดลง แต่ปริมาณการผลิตเพิ่มสูงขึ้น ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลง 53 เซนต์ (-1.0%) อยู่ที่ 50.27 ดอลลาร์ ราคาน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวลง 77 เซนต์ (-1.6%) อยู่ที่ 46.78 ดอลลาร์ สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน โดยลดลง 8.95 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ที่ 466.5 ล้านบาร์เรล นับเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือน ม.ค. 59 อย่างไรก็ตาม ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐปรับขึ้นสู่ 9.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน จาก 9.4 ล้านบาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ก่อนหน้า (รอยเตอร์)

• ราคาทองเพิ่มขึ้น 1% วานนี้ เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลงหลังจากเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือน ก.ค. ราคาทองคำตลาดจรปรับขึ้น 0.8% อยู่ที่ 1,281.15 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 0.3% อยู่ที่ 1,282.90 ดอลลาร์ (รอยเตอร์)