'อินเด็กซ์ฯ'ผนึกซีทีคอร์ปปูพรมอินโดฯ20-30สาขาปี63

'อินเด็กซ์ฯ'ผนึกซีทีคอร์ปปูพรมอินโดฯ20-30สาขาปี63

ฐานประชากรขนาดใหญ่ และการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของ “อินโดนีเซีย” ดึงดูดนักลงทุนและแบรนด์สัญชาติไทยมุ่งหน้าปักธงขยายฐานธุรกิจสร้างพอร์ตรายได้ใหม่ ล่าสุดยักษ์ใหญ่ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้าน“อินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์” สยายปีกเปิดตลาดอินโดฯ

พิศิษฐ์ ปัทมสัตยาสนธิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด กล่าวว่า  ตลาดค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านในกลุ่มประเทศอาเซียน มีแนวโน้มขยายตัวที่ดี โดยมีปัจจัยสนับสนุนทั้งเรื่องของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รายได้ของประชากร และพฤติกรรมผู้บริโภค ทำให้บริษัทเร่งศึกษาโอกาสการลงทุนตลอดจนยุทธศาสตร์ในการดำเนินธุรกิจในประเทศต่างๆ เพื่อเปิดตลาดใหม่ในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น

ล่าสุด ได้เจรจาความร่วมมือและลงนามให้สิทธิ์แฟรนไชส์ “อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์” แก่  ซีที คอร์ป (CT Corp) กลุ่มทุนรายใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย ในการกลับมาทำตลาดอย่างจริงจังเต็มรูปแบบอีกครั้ง โดยเปิด “อินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์” สาขาแรกในอินโดนีเซียภายใต้คอนเซ็ปต์ “เดอะ เบสท์ อีส แบ็ก”  ภายในเดือน ก.ย.-ธ.ค. นี้  มีแผนจะเปิดบริการเพิ่มอีก 4 สาขา ในกรุงจาการ์ตา 1 สาขา, บันดุง 1 สาขา และบันเติน 2 สาขา ขนาดพื้นที่มาตรฐาน 1,000-2,000 ตร.ม. หลังจากนั้นจะมีการขยายสาขาต่อเนื่องจน เบื่้องต้นภายในปี 2563 จะเปิดสาขาปีละ 5-10 สาขา เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่การค้าทั่วอินโดนีเซีย

ตามแผนการนี้สะท้อนให้เห็นความเชื่อมั่นด้านศักยภาพและความแข็งแกร่งของ “อินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์” ในแง่ของแบรนด์และผลิตภัณฑ์ ภายใต้แนวคิด 4 Joys

เอกฤทธิ์ ปัทมสัตยาสนธิ ผู้อำนวยการสายงานพัฒนาธุรกิจต่างประเทศ กล่าวเสริมว่า ตลาดเฟอร์นิเจอร์ในอินโดนีเซียมีศักยภาพและเติบโตสูง เนื่องจาก 60% เป็นร้านค้าเฟอร์นิเจอร์ดั้งเดิม อีก 40% เป็นแบรนด์เฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ 

ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี รายได้ของประชากรราว 52 ล้านรูเปียห์ หรือ 130,000 บาทต่อปี และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรุงจาการ์ตา ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมของประเทศ มีการลงทุนสูง 

นับเป็นความได้เปรียบของอินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์ ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในตลาดท้องถิ่นเป็นอย่างดี ด้วยศักยภาพของ “ซีที คอร์ป” ภายใต้การบริหารของ  ชัยรุล แทนจุง ชาวอินโดนีเซียที่ครองความเป็นผู้นำธุรกิจหลากหลายประเภทมายาวนาน โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีกอย่าง “ทรานส์มาร์ท คาร์ฟูร์”  จะเป็นปัจจัยสนับสนุนในการเข้าถึงตลาดและกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ “อินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์” ได้อย่างรวดเร็วและแพร่หลาย พร้อมขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

การขยายแฟรนไชส์ในครั้งนี้จะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าในอินโดนีเซียว่าสินค้าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ภายใต้แบรนด์ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์ จะเป็นที่หนึ่งในตัวเลือกคุณภาพ ได้มาตรฐาน มีดีไซน์ เป็นที่ยอมรับในระดับสากล พร้อมสินค้าที่คัดสรรเป็นพิเศษสำหรับตลาดอินโดนีเซีย”

ด้าน ชาฟี ชามซัดดิน ประธานและซีอีโอ พีที ทรานส์มาร์ท รีเทล อินโดนีเซีย กล่าวว่า จากความร่วมมือทางธุรกิจครั้งนี้่เป็นอีกทางเลือกที่เพิ่มประโยชน์ให้ลูกค้าชาวอินโดนีเซียที่ปัจจุบันเติบโตขึ้นอย่างมาก และมีความต้องการที่หลากหลายในการสรรหาตัวเลือกของสินค้า โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้าน ซึ่ง “อินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์” เปิดให้บริการในพื้นที่ของห้าง “ทรานส์มาร์ท คาร์ฟูร์”

สิ่งนี้จะเป็นไปในทิศทางที่ดี จากการใช้จ่ายรวมถึงความต้องการผู้บริโภคของทั้งห้างทรานส์มาร์ท คาร์ฟูร์ และ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์ จะส่งเสริมและสนับสนุนให้สาขาใหม่นี้ เป็นพื้นที่สินค้าเพื่อคนท้องถิ่นและเป็นพันธมิตรที่ดีกับชาวอินโดนีเซีย

พันธมิตรหนุนผงาดแบรนด์อาเซียน

ปัจจุบัน “อินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์” มีการขยายสาขาในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยให้สิทธิ์แฟรนไชส์ใน 6 ประเทศ ได้แก่ เนปาล รัสเซีย มัลดีฟส์ เวียดนาม มาเลเซีย ล่าสุด อินโดนีเซีย

รวมทั้งมี “พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ” ส่งออกสินค้าทำตลาดในญี่ปุ่น, เกาหลี, สหรัฐ, ยุโรป ตลอดจนรูปแบบตัวแทนจำหน่ายหรือดีลเลอร์ ในเมียนมา, ลาว, กัมพูชา, สิงคโปร์ และปากีสถาน

พันธมิตรถือเป็นกลยุทธ์สำคัญของ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์ ในการรุกตลาดแต่ละประเทศ อย่าง “มาเลเซีย” เลือกจับมือทุนยักษ์ค้าปลีกแห่งเอเชีย “อิออน กรุ๊ป” จัดตั้งบริษัทร่วมทุน “อิออน อินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง”  สยายปีกในมาเลเซีย ตั้งเป้าเปิด 30 แห่งภายใน 15 ปี 

ขณะที่ “เวียดนาม” ได้ให้สิทธิ์แฟรนไชส์ วิน ดีเอส (VinDS) บริษัทในเครือวินกรุ๊ป (VinGroup) กลุ่มทุนค้าปลีก การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจต่างๆ ใหญ่สุดในเวียดนาม เพื่อเปิดตลาดเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้าน เปิดสาขาแรก ที่ วินคอม เมกามอลล์ ถ่าวเดียน โฮจิมินห์ พื้นที่ขายกว่า 7,000 ตร.ม. ตั้งเป้ามีสาขาอย่างน้อย 10 แห่ง ภายใน 5 ปี

การเปิดตลาดในอินโดนีเซียครั้งนี้จะผลักดันสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเพิ่มจาก 8% เป็น 14% พร้อมๆ กับการเติบโตที่มุ่งสร้าง“ดีเอ็นเอความเป็นแบรนด์ระดับโลก"ที่สินค้าต้องไปพร้อมๆ กันทั้งคุณภาพ และดีไซน์กรุยทางให้ “อินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์” ก้าวสู่ “ริจินัลแบรนด์” ขึ้นครองแชมป์ผู้นำตลาดเฟอร์นิเจอร์ใหญ่สุดในอาเซียน  และขยับสู่ผู้นำระดับโลกในอนาคต