GRAMMY - ถือ

GRAMMY - ถือ

ผลประกอบการพลิกเป็นกำไรตามคาด

พลิกเป็นกำไรตามคาด

GRAMMY รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/60 ที่ 9 ล้านบาท เทียบกับขาดทุนสุทธิ 109 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 4 ล้านบาทในไตรมาส 2/59 และ 1/60 ตามลำดับ หากไม่รวมรายการพิเศษ - การเปลี่ยนวิธีทางบัญชี สำหรับค่าธรรมเนียมใบอนุญาต (12 ล้านบาท), กำไรจากการลดสัดส่วนเงินลงทุนในการร่วมค้าบริษัท เดอะ วัน เอ็น เตอร์ไพรส์ จำกัดจาก 51%
เป็น 25.5% ภายใต้หลักการบัญชีเสมือนถือเงินลงทุนในสัดส่วน 25.5% ตั้งแต่ในอดีต (171 ล้านบาท), การปรับค่าความนิยมในเงินลงทุนของกิจการร่วมค้าให้สอดคล้องกับสัดส่วนเงินลงทุนเหลือ 25.5% (156 ล้านบาท), และการตั้งสำรองลูกหนี้การค้า (17 ล้านบาท) - กำไรหลักจะอยู่ที่ 22 ล้านบาท ซึ่งพลิกเป็นกำไรทั้ง YoY และ QoQ

ประเด็นหลักผลประกอบการ

ต้นทุนการขายและบริการสูงขึ้น 10% YoY แต่ลดลง 4% QoQ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 9% YoY และ 3% QoQ ขณะที่รายได้ลดลง 6% YoY และ 21% QoQ ธุรกิจเพลงรายงานรายได้ลดลง 6% YoY และ 21% QoQ เนื่องจากยอดขายแผ่นเพลงลดลงตามแนวโน้มอุตสาหกรรมซึ่งเป็นไปตามคาด รายได้จากธุรกิจ GMM media ลดลง 12% YoY และ 10% QoQ เนื่องจากรายได้จากสื่อวิทยุลดลง (ลดลง 30% YoY) รายได้จากการค้าสูงขึ้น 8% YoY และ 5% QoQ หนุนโดยยอดขายของธุรกิจ home shopping และกล่องรับสัญญาณเพิ่มขึ้น (มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่) ส่วนแบ่งขาดทุนจาก The One Enterprise ลดลง 94% YoY และ 88% QoQ

แนวโน้ม

คาดกำไรหลักของ GRAMMY จะเติบโตขึ้นอีกในไตรมาส 3/60 หนุนโดยรายได้จากธุรกิจทีวีดิจิทัลที่น่าจะดีขึ้น (ทั้งช่องGMM25 และ ONE) และ โปรแกรมการลดต้นทุน ภาวะเม็ดเงินโฆษณาโดยรวมมีแนวโน้มเติบโตเล็กน้อย QoQ ในไตรมาส 3/60 จากฐานต่ำในไตรมาส 2/59 ซึ่งน่าจะมีน้ำหนักมากกว่าช่วงโลว์ซีซั่น

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

      ณ ปัจจุบัน เรายังคงประมาณการกำไรปี 2560 เท่าเดิม

คำแนะนำ

เราคาด GRAMMY จะมีกำไรต่อเนื่องถึงครึ่งหลังของปี 2560 (หลังจากพลิกเป็นกำไรในไตรมาส 2/60) หนุนโดยเม็ดเงินโฆษณาสำหรับทีวีดิจิทัลแข็งแกร่งขึ้น, อัตราค่าโฆษณาเฉลี่ยสูงขึ้น, และขาดทุนจากส่วนแบ่งรายได้จาก ONE Enterprise ลดลง หลังจากที่บริษัทเพิ่มทุนแล้วเสร็จ เราเชื่อว่าแนวโน้มระยะยาวสำหรับธุรกิจทีวีดิจิทัลของบริษัทยังดี เนื่องจากรายการที่ GRAMMY ผลิตเองสามารถดึงดูดผู้ชมได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นต่ำกว่าราคาเป้าหมายของเราเพียง 1% ดังนั้น เราแนะนำให้นักลงทุนรอดูสัญญาณกำไรฟื้นตัวอย่างยั่งยืน และราคาที่เหมาะสมในการเข้าซื้อ ยังคงคำแนะนำ ถือ