'ศรีวราห์' เตรียมรับมอบอดีตสิบเอก มือฆ่า-เผา 'น้องพลอย'

'ศรีวราห์' เตรียมรับมอบอดีตสิบเอก มือฆ่า-เผา 'น้องพลอย'

"ศรีวราห์" เตรียมรับมอบอดีตทหารยศสิบเอก "พลกฤต วิเศษ" มือฆ่า-เผา "น้องพลอย" ขณะที่มารดาอุ้มกรอบรูปบุตรสาว พร้อมคล้องผ้าพันคอสีแดงที่ลูกถักให้ดักรอขอดูหน้าคนร้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางพัชรี ปั้นทอง อายุ 51 ปี มารดาของ น.ส.พลอยนรินทร์ ผลิผล หรือ “น้องพลอย” ซึ่งถูกนายพลกฤต  วิเศษ หรืออดีต ส.อ.พลกฤต แฟนเก่าฆ่าแล้วนำศพไปเผาอำพรางคดีในพื้นที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี พร้อมด้วย นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ทนายความ ได้เดินทางมายังกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อรอพบหน้านายพลกฤต หลังจากทราบว่าเจ้าหน้าที่ทหาร จะควบคุมตัวนายพลกฤต มาส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน โดยมี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.พร้อม

คณะ ได้เดินทางมารับมอบตัวนายพลกฤต  ซึ่งการเดินทางมาในวันนี้ นางพัชรี ได้ถือกรอบรูปบุตรสาว พร้อมผ้าพันคอผืนสีแดงที่บุตรสาวถักให้ คล้องคอเอาไว้ตลอดเวลา

นางพัชรี กล่าวว่า สาเหตุที่คล้องผ้าพันคอผืนนี้ เพราะเป็นสิ่งที่บุตรสาวถักให้กับตน ก่อนจะพรากจากกัน น้องพลอย จะทำแต่สิ่งดีๆ ให้ เขาทำผ้าพันคอเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายให้ตน แล้วก็อยากจะเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับบุตรสาว และอยากเห็นหน้าคนที่กระทำกับบุตรสาวอย่างเลือดเย็น และถ้าได้พบกับนายพลกฤต ก็มีหลายสิ่งที่อยากจะพูดกับเขา คำถามแรกเลยก็คงจะถามว่า ทำไมถึงเลือดเย็นฆ่าน้องพลอย ตั้งแต่ที่ลงมือในวันแรก รู้อยู่แล้วแต่กลับโทรศัพท์มาหาตน ถามว่า น้องพลอย อยู่ที่ไหน นายพลกฤต เป็นคนที่เลือดเย็นมาก หลังจากก่อเหตุยังไปทำศัลยกรรมใบหน้า แต่จริงๆแล้ว เขาน่าจะทำศัลยกรรมจิตใจมากกว่า เพราะจิตใจเขาสกปรก ตนคิดว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ต่ำกว่าเขาแล้ว

นางพัชรี กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้สมัยที่ยังเป็นทหาร นายพลกฤต มีทั้งหน้าที่การงาน มีความรู้ น่าจะใช้หน้าที่การงานและความรู้ให้เป็นประโยชน์ ไม่ใช่มาทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาเคยบอกว่ารักมาก ที่ผ่านมา นายพลกฤต ก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนเหมือนกับตนเลย แต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างสุขสบายกับครอบครัวใหม่ โดยปล่อยให้ตนต้องรอคอยบุตรสาวมาอย่างยาวนาน เสียดายเครื่องแบบที่เขาสวมใส่ที่น่าจะใช้ปกป้องประชาชน

“ที่ผ่านมา แม่ก็ติดต่อกับเขา โดยหลังจากเกิดเหตุ 2 วัน หลังจากที่น้องพลอย หายตัวไป เขาได้โทรศัพท์มา ขณะที่เขาติดต่อหาแม่ เขายังทำงานอยู่ แต่เขาฆ่าน้องแล้ว 3 ปีกว่า วันนี้แม่พาน้องมา ให้ดูคนที่บอกว่ารักนักรักหนา เรื่องที่เกิดขึ้นคงไม่สามารถอโหสิกรรมให้ได้ เป็นใครๆ ยกโทษให้ได้หรือไม่ มันกะทันหันมาก แม่จะไม่ให้เขาไปกราบขอขมาน้อง แต่ให้เป็นบาปติดตัวไปตลอดชีวิต” นางพัชรี กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

มารดาผู้สูญเสียรายนี้ กล่าวอีกว่า นายพลกฤต ต้องมากราบเท้าขอขมาตน แต่ก็ไม่ให้อภัยกับสิ่งที่นายพลกฤต ได้กระทำลงไป ตนคิดว่าน้องพลอย ก็คงต้องการแบบนั้น ที่ผ่านมานายพลกฤต ให้การอย่างไรบ้าง ตนก็ไม่ทราบ แต่คนเลือดเย็นแบบนี้ คิดได้ขนาดนี้ ใครจะเชื่อคำพูดเขา คนหนึ่งคน ยาง 4 เส้น และสถานที่ลงมือก่อเหตุ มันลำบากยากเย็นหรือไม่ เขาน่าจะทำคนเดียวได้หรือไม่

“นายพลกฤต อ้างว่าน้องพลอย กระโดดลงจากรถเอง ทั้งๆ ที่ รถเขามีระบบล็อกประตู แต่ถ้าน้องพลอย จะกระโดดจริงอย่างที่เขาว่า แม่ก็เชื่อ เพราะน้องพลอยก็เหมือนแม่ คือเป็นคนสู้คน ไม่ยอมแพ้ ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด ส่วนตัวแล้วไม่ทราบว่าเขาทรมานน้องพลอย ด้วยหรือไม่ แต่ที่แน่ชัดก็น่าจะใช้มือบีบคอ เพราะที่ผ่านมาเพื่อนน้องพลอย เคยบอกว่า เวลาที่ทั้งสองคนทะเลาะกัน นายพลกฤต มักจะชอบใช้มือบีบคอลูกสาว” นางพัชรี กล่าวและว่า บุตรสาวเป็นคนดีเพียงแต่มาเจอกับคนเลว คนใจดำอำมหิตเท่านั้น และสำหรับคนที่ช่วยเหลือนายพลกฤต มาตลอดระยะเวลา 3 ปี ต้องถือว่าเป็นคนที่ไร้มนุษยธรรม รู้ว่านายพลกฤต กระทำความผิด แต่ก็ยังช่วยปกป้อง แต่ตนก็เชื่อว่าเขาหนีเวรกรรมไปไม่พ้น ในใจเขาเองก็ต้องรู้ว่าเกิดอะไร ตนเชื่อว่าความยุติธรรมต้องมีจริง ตำรวจจะช่วยตนได้

นางพัชรี กล่าวว่า ประมาณเดือนกว่าหลังเกิดเหตุ ตนฝันว่าน้องพลอย จมน้ำ แล้วยกแขนร้องขอให้แม่ช่วย แม่ก็สะดุ้งตื่น แล้วก็รู้ทันทีว่าน้องอยากกลับบ้าน พอไปดูที่เกิดเหตุวันนั้น มันก็มีน้ำจริงๆ ครั้งแรกที่น้องเสีย น้องก็มาบอก มากราบเท้าแม่ ฝากกราบเท้าพ่อ บอกว่าน้องอยู่ไกล มาไม่ได้ แต่คิดถึง แล้วทุกอย่างก็เป็นเรื่องจริง น้องอยู่ไกลมาไม่ได้ นี่คือเรื่องจริง

นางพัชรี กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้มีคนคอยติดตามตนและครอบครัว ซึ่งพวกตนอยู่ในที่สว่าง แต่เขาอยู่ในที่มืด ก็ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร ทุกวันนี้ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เขารู้ความเคลื่อนไหวของตน แต่ตนไม่เคยรู้ว่าเขาทำอะไร อยู่ที่ไหน

นางพัชรี กล่าวถึงกรณีภาพวงจรปิดหน้าโรงงานที่บุตรสาวทำงานในวันเกิดเหตุ ว่าเห็นบุคคลที่อยู่ตรงนั้นอีก 2-3 คน มาพร้อมกับรถคันหนึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนที่นายพลกฤต จะมาพาตัวบุตรสาวไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่มารอพบหน้านายพลกฤต นั้น นางพัชรี ได้วางกรอบรูปแล้วจุดธูปที่เตรียมมา ก่อนจะร่ำไห้บอกกล่าวกับบุตรสาวว่า วันนี้แม่ได้มาเรียกร้องขอความเป็นธรรมคืนให้กับลูกสาวแม่แล้วนะ