แห่ร้องทหาร ออมเงินกองทุนกว่า3แสน แต่ถอนไม่ได้

แห่ร้องทหาร ออมเงินกองทุนกว่า3แสน แต่ถอนไม่ได้

กลุ่มชาวบ้านร้องทหารช่วย หลังออมเงินกองทุนหมู่บ้านตั้งแต่ปี52 รวมกว่า3แสนแต่ถอนออกไม่ได้ หลังผู้ใหญ่บ้านเสียชีวิต โร่ฟ้องศาลแขวงสุดท้ายศาลยกฟ้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (16 ส.ค. 60 ) ที่กองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 ค่ายกาวิละ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้มีกลุ่มชาวบ้าน บ้านห้วยบอน ต.แม่โป่ง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ กว่า 30 คน นำโดยนายธำรงค์ สมบูรณ์ อายุ 60 ปี ตัวแทนกลุ่มชาวบ้าน ได้ร่วมกันเดินทางมา เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียน เนื่องจากชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากการโกงเงินกองทุนเงินออม ซึ่งเป็นเงินที่ชาวบ้านได้เก็บหอมรอมริบออมเงิน แต่กลับไม่สามารถถอนเงินฝากดังกล่าวมาใช้ได้ ทำให้ชาวบ้านเกิดความสงสัย และได้รวมตัวกันฟ้องศาลแขวงเชียงใหม่

เบื้องต้นศาลได้ตัดสินว่าเนื่องจากผู้ก่อตั้งกองทุนเสียชีวิต จึงถือว่าคดีเป็นโมฆะ และได้มีการยกฟ้อง จึงได้มีการรวมตัวกัน เพื่อมายื่นหนังสือต่อศูนย์รับเรื่องร้องเรียนการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อในตรวจสอบอย่างเร่งด่วน โดยมีพ.อ.สืบสกุล บัวระวงศ์ รองผบ.มทบ.33 เป็นผู้รับมอบหนังสือดังกล่าว

นายธำรงค์ สมบูรณ์ อายุ 60 ปี ตัวแทนกลุ่มชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน เปิดเผยว่า ในช่วงปี 2552 ที่ผ่านมา ทางด้านนายแก้ว ธรรมปัญโญ อดีตผู้ใหญ่บ้านบ้านห้วยบอน ต.แม่โป่ง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ได้มีการริเริ่มโครงการกองทุนเงินออม เพื่อสวัสดิการและการพัฒนาหมู่บ้านขึ้น ตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ที่ให้ชาวบ้านรู้จักออมเงิน สามารถถอน หรือกู้เงิน เอาไปใช้หมุนเวียนเป็นทุน ซึ่งชาวบ้านก็เห็นด้วยและได้มีชาวบ้านร่วมออมเงินกับโครงการดังกล่าวกว่า 300 คน ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่พบปัญหาอะไร

จนกระทั่งในปี 2556 นายแก้วได้เกิดล้มป่วย และได้มีการมอบหมายให้นายบุญชน ฟองวรรณา ดูแลโครงการดังกล่าว จนกระทั่งในปี 2558 ได้มีชาวบ้านมาขอถอนเงินฝากดังกล่าวเพื่อนำไปใช้จ่าย แต่กลับพบว่าไม่สามารถถอนเงินฝากดังกล่าวได้ จึงทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนและได้รวมตัวกันยื่นฟ้องศาลแขวงเชียงใหม่ ท่ามกลางความหวังว่าพวกเขาจะได้เงินที่ออมมาทั้งชีวิตกลับคืน

แต่สุดท้ายศาลกลับได้มีการยกฟ้อง เนื่องจากการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว มีลักษณะแบบเดียวกับห้างหุ้นส่วนจำกัด และเมื่อนายแก้ว ซึ่งเป็นหุ้นส่วนได้ถึงแก่ความตาย กองทุนดังกล่าวย่อมยกเลิกกันตามประมวลกฎหมาย โดยหลังจากที่ศาลได้มีการตัดสิน ตนจึงได้รวมตัวกันเพื่อมายื่นหนังสือต่อศูนย์รับเรื่องร้องเรียนการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อต้องการให้เจ้าหน้าที่มาช่วย เนื่องจากชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน หวังออมเงินไว้ใช้ยามบั้นปลายชีวิตยามป่วยไข้ แต่กลายเป็นว่า เงินออมมีแต่ตัวเลขบันทึกลงสมุด แต่เอาเข้าจริง กลับไม่มีตัวเงินให้ถอน

ในเบื้องต้นหลังจากที่ได้มีการรับหนังสือร้องเรียน และรับฟังข้อมูลจากชาวบ้านแล้ว ทางด้าน พ.อ.สืบสกุล บัวระวงศ์ รอง ผบ.มทบ.33 ได้เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่าได้มีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนทั้งสิ้นกว่า 80 ราย เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 340,000 บาท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว และจากนี้จะได้มีการสั่งการให้มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อความเป็นธรรมของทั้งสองฝ่าย และจะได้มีการหาแนวทางเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านต่อไป