อุปสงค์จีนชะลอตัวฉุดราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงต่อ

อุปสงค์จีนชะลอตัวฉุดราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงต่อ

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าตลาดสหรัฐ ปิดตลาดวันอังคาร (15ส.ค.)ตามเวลาท้องถิ่น ปรับตัวลงต่อเนื่องจากวันจันทร์ โดยได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และสัญญาณบ่งชี้อุปสงค์ที่ชะลอตัวของจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีการใช้น้ำมันมากเป็นอันดับ 2 ของโลก

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนก.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาดไนเม็กซ์ ลดลง 4 เซนต์ ปิดตลาดที่ราคา 47.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวขึ้น 7 เซนต์ ปิดตลาดที่ 50.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

ราคาน้ำมันพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนในช่วงต้นเดือนนี้ แต่หลังจากนั้นได้ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อวันจันทร์ที่ดิ่งลงกว่า 2%

ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จะลดความน่าดึงดูดของสัญญาน้ำมัน โดยทำให้มีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นสู่กรอบกลางของ 110 เยนในวันนี้ โดยฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ ขณะที่นักลงทุนขานรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง และคลายความกังวลต่อความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า กำลังการกลั่นน้ำมันของจีนอยู่ที่ระดับ 10.71 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนก.ค. ลดลงราว 500,000 บาร์เรลต่อวันจากระดับในเดือนมิ.ย. และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2559

นักวิเคราะห์ระบุว่า กำลังการกลั่นน้ำมันของจีนลดลงมากกว่าที่คาดไว้ ซึ่งส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า ผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่นจำนวนมากในจีน จะทำให้จีนลดความต้องการน้ำมัน

ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งระบุว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐ มีจำนวนเพิ่มขึ้น 3 แท่น สู่ระดับ 768 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 สัปดาห์

นอกจากนี้ สำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) ระบุว่า การที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ให้ความร่วมมือต่ำในการลดกำลังการผลิตน้ำมัน จะทำให้การปรับสมดุลในตลาดใช้เวลานานขึ้น แม้อุปสงค์น้ำมันโลกจะมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง