เกิดเหตุเศร้าสลดในช่วงวันแม่ คุณยายวัย 88 ปี ลงไปเก็บไม้ในคลองจมน้ำดับอนาถ ลูกชายเผยเป็นเหตุซ้ำรอยพ่อ ที่เมื่อกว่า 2 ปีที่ผ่านมา พ่อก็จมน้ำดับอนาถในคลองนี้เช่นกัน
เหตุสลดในช่วงวันแม่ และต้องเสียคุณแม่รายนี้ได้เกิดขึ้นระหว่างเขตติดต่อหมู่ 5 ตำบลถนนขาด และหมู่ 3 ตำบลห้วยจรเข้ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นคลองดินชื่อไร่ถั่ว กว้าง 15 เมตร โดยมีชาวบ้านแจ้งว่า เห็นหญิงผู้สูงอายุคนหนึ่ง ที่บ้านอยู่ตรงข้ามคนละฝั่งคลอง ได้เดินลงมาในคลอง พอถึงบริเวณกลางคลองซึ่งเป็นช่วงน้ำลึกกว่า 2 เมตร อยู่ๆ ร่างของคุณยายก็ได้จมหายไป จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม นำกำลังพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำ มาช่วยกันลงไปค้นหา โดยมีชาวบ้านกว่า 100 คน มายืนดูคอยให้กำลังใจ
จากการสอบถามชาวบ้าน ทราบว่า ผู้ที่จมหายไปในน้ำชื่อ นางฉลอง สอนแก้ว อายุ 88 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42 หมู่ 5 ตำบลถนนขาด อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม โดยปกติคุณยายเขาจะลงไปในคลองอยู่เป็นประจำ และเป็นคนที่ว่ายน้ำเก่งอีกด้วย แต่คราวนี้คงจะว่ายน้ำมาเก็บไม้ไผ่ท่อนหนึ่งที่ลอยอยู่ในน้ำ และออกมาไกลเกือบถึงฝั่งตรงข้าม เพื่อจะนำไปปักทำที่กั้นผักบุ้งบริเวณคลองหน้าบ้าน แต่คาดว่าคงหมดแรงจึงทำให้จมน้ำจนเสียชีวิต โดยที่ไม่มีใครลงไปช่วยได้ทัน
จากการสอบถามนายวิไล ปานม่วง อายุ 65 ปี ซึ่งเป็นลูกชายของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ที่ผ่านมาคุณแม่จะลงไปในคลองเพื่อเก็บผักบุ้ง และจัดแพเลี้ยงผักบุ้งเอาไว้กินเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในครอบครัว แต่วันนี้ได้หายไปตั้งแต่เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. โดยที่ไม่มีใครเห็น จนกระทั่งนานผิดสังเกต ตนได้เดินหาและก็พบหมวกงอบของคุณแม่วางไว้ที่บริเวณท่าลงคลอง แต่ไม่พบแม่ จนกระทั่งมีชาวบ้านฝั่งตรงข้ามเห็นครั้งสุดท้ายว่าคุณแม่ได้เดินลงไปในคลอง จึงคาดว่าคุณแม่น่าจะจมน้ำเสียชีวิตแล้ว สาเหตุแค่จะมาเก็บไม้ไผ่จะนำไปปักทำค้างแพผักบุ้ง จนต้องมาเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งเหตุการณ์นี้นับเป็นเหตุการณ์ซ้ำรอยอีกครั้ง คือเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา คุณพ่อนายเสงี่ยม สอนแก้ว อายุ 84 ปี ก็ได้เสียชีวิต ตรงบริเวณใกล้เคียงกับที่คุณแม่จมครั้งนี้ ครั้งนั้นคุณพ่อได้ลงไปเก็บสวะ แต่พอดีเรือได้ลอยตามน้ำไป คุณพ่อจึงพยายามว่ายตามไปเก็บเรือ แต่ก็หมดแรงจมน้ำหายไปเช่นกัน สำหรับการค้นหาศพเจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำ ได้ลงไปทำการค้นหาโดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที่ ก็สามารถพบศพคุณยายโดยไม่ยากนัก จึงนำศพขึ้นมาให้แพทย์ทำการตรวจพิสูจน์อีกครั้ง