“กมธ.ฯของ สนช.” ไม่เซ็ทซีโร่ “กสม.” ต่ออายุอีก 3 ปี ไม่นับปมขาดคุณสมบัติ-ลาออก-ตาย พร้อมขอปรับดีกรีความเชี่ยวชาญในสายงานเป็นไม่ต่ำ 10 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีคำสั่งนัดประชุมสนช. ในวันที่ 17 ส.ค. เพื่อพิจารณาร่างกฎหมายที่สำคัญ คือ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ซึ่งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เป็นผู้เสนอในวาระสอง และวาระสาม หลังจากที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ของ สนช. ที่มี พล.ร.อ.วัลลภ เกิดผล เป็นประธาน กมธ.ฯ ได้พิจารณาปรับปรุงและแก้ไขแล้วเสร็จ
ปรับดีกรีคุณสมบัติในสายปฏิบัติงาน เป็น 10 ปี
สำหรับเนื้อหาของร่าง พ.ร.ป.กสม. ที่กมธ.ของสนช. ปรับปรุงนั้น มีสาระสำคัญ อาทิ คุณสมบัติของ คณะกรรมการ กสม. ทั้ง 7 คน ที่ปรับระยะเวลาของการมีประสบการณ์ ความรู้ ความเชี่ยวชาญ ในด้านการทำงาน, การสอน, การวิจัย ด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการบริหารงานภาครัฐที่เกี่ยวกับการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ไม่น้อยกว่า 10 ปีในทุกสายความรู้ ความเชี่ยวชาญ จากเดิมที่ระบุระยะขั้นต่ำคือไม่น้อยกว่า 5 ปี
ขีดกรอบ “กก.สรรหา” ไม่เลือกปฏิบัติ-คำนึงพหุสังคม
ขณะที่กระบวนการสรรหา คณะกรรมการ กสม. กำหนดให้มีคณะกรรมการสรรหา ที่มีประธานศาลฏีกาเป็นประธาน และ มีกรรมการ 9 คน อาทิ ประธานสภาผู้แทนราษฎร, ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ, ประธานศาลปกครองสูงสุด, ผู้แทนองค์กรเอกชน, ผู้แทนสภาวิชาชีพทางการแพทย์ สาธารณสุข, อาจารย์ประจำในสถาบันอุดมศึกษาที่ทำงานหรือวิจัยด้านสิทธิมนุษยชน เป็นผู้พิจารณา ทั้งนี้มีเนื้อหาส่วนการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการสรรหาที่เพิ่มเติม คือ ต้องไม่เลือกปฏิบัติ และ เลือกบุคคล มาเป็นกรรมการ กสม. ที่เหมาะสมโดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมทั้งหหญิงและชาย และส่งเสริมความเป็นพหุสังคม
ไม่เซ็ทซีโร่ พร้อมต่ออายุ3ปี - คนเคยเล่นการเมืองไม่พ้น10ปีก็อยู่ต่อ
ส่วนบทเฉพาะกาลว่าด้วยการดำรงตำแหน่งของกสม.ชุดปัจจุบัน นั้น ถูกปรับรายละเอียดจากร่างที่กรธ. เสนอ คือ ให้กสม. ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนวันที่กฎหมายบังคับให้ ให้อยู่ต่อจนครบเวลา 3 ปี และไม่ให้นำการพ้นจากตำแหน่งเพราะขาดคุณสมบัติ อาทิ อายุเกิน 70 ปี, สุขภาพดีปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ, มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์หรือมีลักษณะต้องห้าม อาทิ เคยเป็นข้าราชการการเมืองไม่พ้นระยะ 10 ปีก่อนเข้ารับการสรรหา เป็นต้น มาบังคับใช้
หากต้องสรรหา กสม. ใหม่ ขีดเส้นให้เสร็จ 90 วัน
สำหรับกรณีที่ต้องสรรหากรรมการ กสม. นั้นบทเฉพาะกาล กำหนดให้ คณะกรรมการสรรหา ต้องสรรหาให้แล้วเสร็จ ภายใน 90 วัน โดยมีขั้นตอนคือ ภายใน 30 วันต้องกำหนดระเบียบกับการจดแจ้งหรือรับจดแจ้งองค์กรเอกชนที่มีสิทธิส่งผู้สมัครเข้ารับการสรรหาให้เสร็จ , ภายใน 30 วันต้องประกาศการจดแจ้งดังกล่าว จากนั้้นภายใน 30 วัน องค์กรเอกชนที่จดแจ้งต้องคัดเลือกกันเองเพื่อส่งตัวแทนเข้ารับการสรรหา ทั้งนี้หากมีกรณีที่ต้องวินิจฉัยคุณสมบัติของ กสม. ชุดปัจจุบัน กำหนดให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหา โดยกำหนดระยะเวลาต้องวินิจิฉัยให้เสร็จ ภายใน 20 วัน
สาระหลักยังเข้มห้าม “กสม.” รับเงินบุคคล-องค์กรต่างชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับเนื้อหาของร่าง พ.ร.ป.กสม. นั้น โดยหลักการแล้วยังคงเป็นไปตามที่ กรธ. นำเสนอมาในชั้นต้น อาทิ กำหนดให้คณะกรรมการ กสม. ต้องเป็นบุคคลที่มาจากหลากหลายและผ่านการมีส่วนร่วมขององค์กรด้านสิทธิมนุษยชน โดยกรรมการมี 7 คน ดำรงตำแหน่ง ได้ 7 ปีเพียงวาระเดียว ทั้งนี้ กสม. มีสิทธิถูกตรวจสอบจากบุคคลภายนอกองค์กรได้ ขณะที่การปฏิบัติหน้าที่ยังมีข้อกำหนดที่รัดกุมเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างเที่ยงธรรม คือ มีข้อห้ามรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นจากบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย นิติบุคคลต่างประเทศ หรือ ในประเทศที่มีชาวต่างชาติถถือหุ้น่รวมด้วย รวมถึงองค์การที่มีรายได้หรือเงินอุดหนุนจากต่างประเทศ
ให้ กสม.พ้นทั้งคณะ หากไม่ทำรายงานประจำปีเสนอ อย่างไร้เหตุผล
ขณะที่หน้าที่หลักของ กสม. คือ ตรวจสอบ รายงานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนทุกกรณีอย่างไม่ล่าช้า พร้อมเสนอมาตรการป้องกันและแก้ไขที่เหมาะสม ต่อ รัฐสภา, คณะรัฐมนตรี, หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้มีข้อกำหนดเกี่ยวกับการทำรายงานสถานการณ์เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนประจำปีเพื่อรายงานต่อรัฐสภาและ ครม. ด้วยว่าหากเกินเวลา 90 วันนับแต่วันสิ้นปีปฏิทิน หาก กสม. ทำรายงานไม่แล้วเสร็จโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ.