รวบผัวเมียเช่ารถทั่วอีสาน เชิดหนีส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน

รวบผัวเมียเช่ารถทั่วอีสาน เชิดหนีส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน

ตร.สุรินทร์รวบสองผัวเมียสุดเเสบ ตระเวนเช่ารถยนต์ทั่วภาคอีสาน แล้วเชิดหนีส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 12ส.ค.60 ศูนย์วิทยุ 191 ได้รับแจ้งจากนายดำเกิง อริยเดช อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23/4 ถ.เทพสุนทร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ว่าพบคนร้ายที่เคยก่อเหตุหลอกเช่ารถนิสสัน บิ๊กเอ็ม แล้วเชิดหนีส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน ทำทีเช่ารถรับจ้างอยู่ที่สถานี บขส.สุรินทร์ จึงวิทยุแจ้งผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ 191 รุดที่เกิดเหตุ

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ191ถึงที่เกิดเหตุ คนร้ายชายหญิงไหวตัวทัน โดยผู้ชายวิ่งหนีจากบขส.สุรินทร์ เข้าด้านหลังวัดหนองบัว แล้วกระโดดหนีลงไปในสระน้ำภายในวัดหนองบัว เจ้าหน้าที่ตำรวจเจรจา ผู้ต้องจึงยอมขึ้นจากสระน้ำมอบตัว แล้วกลับมารับผู้หญิงที่บขส.ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวไว้เรียบร้อยแล้ว นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน มาสอบปากคำที่ สภ.เมืองสุรินทร์

พ.ต.อ.ยศวัฒน์ งามสง่า ผกก.สภ.เมืองสุรินทร์ สอบสวน ผู้ต้องหาทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากัน ทราบชื่อนายธวัช คำนวณถ้อย อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58/1 ม.6 ต.หนองปลาไหล อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร และนางเฉลียว ราชสีห์ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่46 ม.9 ต.จารพัต อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ให้การรับสารภาพว่า ทำเป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกสำเร็จ นำรถยนต์ไปขายในตลาดมืด และส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน ผู้ต้องหาได้ให้การซัดทอดถึงเพื่อนร่วมแก๊งอีกรายคือ นายประสาน อายุ 56 ปี อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี คนงานโรงสีไฟชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.สุรินทร์ ซึ่งทั้งหมดมีหมายจับหมายท้องที่หลังมีผู้เสียหายจำนวนมาก เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน และขออนุมัติศาลออกหมายจับ

นายดำเกิง อริยเดช อายุ 40 ปี ชาวจ.สุรินทร์ ผู้เสียหาย กล่าวว่า มีอาชีพขายข้าวมันไก่อยู่ด้านหน้าสถานีรถไฟสุรินทร์ เมื่อวันที่ 28 ก.ค.60 ผู้ต้องหาทั้งสองคนไปติดต่อเหมารถ ให้ไปส่งที่ จ.จันทบุรี อ้างขนของมาทำโรงกลึง เมื่อไปถึงตามที่หมาย คนร้ายบอกว่าพี่ชายที่เป็นทหาร ไปราชการต่างอำเภอให้รับประทานข้าวรอก่อน จากนั้นทั้งคู่ได้ทิ้งตนไว้ที่ตลาดวรรณกาญจน์ สักพักพี่ชายโทรศัพท์มาให้ขนของขึ้นรถ ให้ตนกับภรรยาผู้ต้องหารอ คิดว่าไปไม่ไกลจึงให้กุญแจรถยนต์ไปขนของ ไม่นานฝ่ายหญิงก็หายไปด้วย รออยู่พักใหญ่ไม่เห็นทั้งคู่ จึงมั่นในใจว่าถูกหลอก จึงเข้าแจ้งความที่ สภ.จันทบุรี คาดว่า รถยนต์ถูกส่งลงไปขายที่ประเทศเพื่อนบ้านแล้ว เมื่อมาเจอตัวทั้งคู่ก็คาดว่าเจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีตามกฎหมายกับมิจฉาชีพกลุ่มนี้