‘ไทยไลอ้อน’หวังปลดธงแดงพลิกทำกำไรครั้งแรก

‘ไทยไลอ้อน’หวังปลดธงแดงพลิกทำกำไรครั้งแรก

ไทย ไลอ้อนฯ ลุ้นไทยปลดธงแดงทันไฮซีซั่น หนุนพลิกทำกำไรครั้งแรก พร้อมเข้าตลาดฯ ปีที่ 6 ชี้ปีหน้าอุตสาหกรรมการบินฟื้นแรง เล็งปักธงอู่ตะเภา “ฮับ”

นายอัศวิน ยังกีรติวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ กล่าวว่า ธุรกิจการบินปีนี้ยังมีโอกาสพลิกทำกำไรในไตรมาสสุดท้าย หากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) สามารถปลดล็อกธงแดงด้านมาตรฐานความปลอดภัย จากองค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอซีเอโอ) ตามเป้าหมายเดือน ต.ค. ที่ผ่านมาปัญหาดังกล่าวทำให้การขยายธุรกิจทำได้ไม่เต็มที่ ทำให้รายได้ของโลว์คอสท์หลายรายชะลอตัว

ไทย ไลอ้อนฯ วางแผนทำกำไรครั้งแรกปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 4 ของการดำเนินงาน แม้ก่อนหน้านี้ไม่มั่นใจในสถานการณ์นัก แต่ความคืบหน้าจาก กพท. ประกอบกับไทย ไลอ้อนฯ ได้รับใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ (AOC Recertification) จึงพร้อมขยาย ขณะที่ สายการบิน ไม่ต่ำกว่า 12 สาย ยังไม่ผ่านเกณฑ์  จึงเป็นช่องว่างการตลาดให้สายการบินที่พร้อมขยายตลาดเต็มที่ หากเติบโตต่อเนื่องรักษาสถานะกำไรต่อไปก็จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ในปีที่ 6

“อุตสาหกรรมการบินปีหน้าเชื่อว่าจะกลับมาคึกคักและทำราคาได้ดีมากขึ้น จากการยกระดับมาตรฐานเพื่อปลดล็อกธงแดงในปีนี้ ไทย ไลอ้อน แอร์ มีแผนเชิงรุกบินไปยังประเทศที่เคยติดธงแดง เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และขยายไปภูมิภาคใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง จากที่ผ่านมา เน้นขยายในจีน มีเส้นทางบินประจำจากกรุงเทพฯ 6 เส้นทาง และจากเชียงใหม่ และเชียงราย จุดหมายละ 1 เส้นทางแล้ว และยังมีบริการเช่าเหมาลำอีก 4-5 เมืองในจีนด้วย”

แนวโน้มการเติบโตอีกส่วนมาจากการขยายฐานปฏิบัติการการบินไปที่สนามบินอู่ตะเภาปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า เพื่อบรรทุกผู้โดยสารเชื่อมเมืองต่างๆ ของจีน  คาดว่าหากดำเนินการเต็มที่จะมีฝูงบินประจำการที่อู่ตะเภา 5-10 ลำ ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ค. มีอัตราบรรทุกเฉลี่ย 86-87%  ช่วงนี้เป็นโลว์ซีซันประคองอัตราไว้ที่ 85% บรรทุกผู้โดยสารไปแล้ว 5.5 ล้านคน จาก 160 เที่ยวบินต่อวัน ตั้งเป้าปีนี้ 8 ล้านคน เพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อน

ขณะนี้ส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มโลว์คอสท์ของไทย ไลอ้อนฯ สลับขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ในบางช่วง ขึ้นอยู่กับการทำโปรโมชั่น และการมีที่นั่ง 215 ที่ต่อลำ มากกว่าคู่แข่งมีที่นั่งเฉลี่ย 180  ที่ต่อลำ จึงมีโอกาสทำรายได้มากกว่า สามารถบริหารจัดการราคาเฉลี่ยได้ดีกว่า

ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย.เป็นต้นไป เตรียมเปิดเส้นทางบินใหม่ กรุงเทพฯ (ดอนเมือง)-บาหลี (เดนปาซาร์) ความถี่ 1 เที่ยวต่อวัน ตั้งเป้าอัตราบรรทุกเฉลี่ย 85% ปีหน้าเป็นต้นไป ขณะนี้มีโลว์คอสท์รายเดียวที่ให้บริการอยู่ก่อน แต่เชื่อว่าไทย ไลอ้อนฯ จะแข่งขันได้ เนื่องจากมีฐานตลาดอินโดนีเซียแข็งแกร่ง คือ กรุงเทพฯ-จาการ์ต้า อัตราบรรทุกเฉลี่ยสูง 90% ประกอบกับมีสายการบินในเครือคือ มาลินโด้ แอร์ มีเที่ยวบินจาก เพิร์ธ ออสเตรเลีย มา บาหลี จึงมีโอกาสได้ลูกค้าเชื่อมต่อ ทั้งนี้วางราคาเริ่มต้น 3,155 บาทต่อเที่ยวบิน

เดือน ต.ค.นี้ ยังมีแผนเปิดเส้นทางใหม่กรุงเทพฯ-ไทเป และอยู่ระหว่างขออนุญาตเปิดจุดบินในอินเดีย 2 แห่งที่ โคชิ และ มุมไบ