หุ้นแบงก์ 'โยงเอิร์ธ' อ่วม

หุ้นแบงก์ 'โยงเอิร์ธ' อ่วม

"หุ้นแบงก์" โยงเอิร์ธอ่วม ราคาดิ่ง-สูญมาร์เก็ตแคปพันล้าน

ช่วงที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หลังจากกำไรงวดครึ่งปีลดลง และถูกซ้ำเติมด้วยผลกระทบของบริษัทจดทะเบียนผิดนัดชำระหนี้บานปลายกลายเป็นหนี้เสีย จนกระทั่งเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ

ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และทยอยปรับขึ้นเมื่อความชัดเจนของปัญหาเริ่มคลี่คลาย โดยล่าสุดตั้งแต่ต้นเดือนส.ค. ถึงวันที่ 10 ส.ค.2560 ดัชนีปรับลดลง0.60% โดยราคาหุ้นแบงก์ที่ปรับลดลงมากสุดประกอบด้วย หุ้นเงินทุนธนชาต (TCAP)ลดลง 3.14% รองลงมาแบงก์ไทยพาณิชย์ (SCB) ลดลง 2.72%แบงก์กรุงไทย (KTB) ลดลง 1.66% แบงก์ทิสโก้ (TISCO) ลดลง 1.36% ขณะที่หุ้นแบงก์กสิกรไทย เพิ่มขึ้น 0.78%

จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นว่า หุ้นแบงก์ที่เชื่อมโยงกับหนี้สินของบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน)EARTH จะปรับตัวลดลงแรงกว่าแบงก์อื่นๆโดยเฉพาะหุ้นแบงก์กรุงไทย หุ้นทุนธนชาต ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของแบงก์ธนชาต ซึ่งเกิดปัญหาการฟ้องร้อง นักลงทุนไม่เชื่อมั่น จึงเทขายหุ้นออกมา

เมื่อรวบรวมข้อมูลมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป)ของหุ้นแบงก์ที่เชื่อมโยงหนี้สินของเอิร์ธ พบว่าลดลงโดยหุ้นแบงก์กรุงไทย มาร์เก็ตแคปลดลง

1,398 ล้านบาท หุ้นเงินทุนธนชาต ลดลง1,508 ล้านบาท และหุ้นแบงก์กสิกรไทย เพิ่มขึ้น 9,573 ล้านบาท

ทั้งนี้ กรณีการฟ้องร้องระหว่างบริษัทเอิร์ธกับแบงก์ธนชาตนั้น มีนักวิเคราะห์ได้ประเมินสถานการณ์ไว้ว่า เรื่องการปัญหายังจะคงกดดันหุ้นกลุ่มแบงก์ต่อไป จนกว่า จะมีความชัดเจนในเรื่องของคดีความที่เกิดขึ้น

บล.บัวหลวง ระบุว่า การที่บริษัทเอิร์ธฟ้องร้อง 6 หมื่นล้านบาทกับแบงก์ธนชาต (เครือ TCAP) ฐานนำความลับบริษัทไปเปิดเผยจนกระทบธุรกิจ คาดเรื่องนี้จะ Over Hang ราคาหุ้น TCAP ไปจนกว่าจะมีความชัดเจนในคดี ขณะที่ข่าวนี้อาจกระทบความเชื่อมั่นต่อธนาคารธนชาต และจิตวิทยาลบราคาหุ้น TCAP

บล.ทิสโก้ เชื่อว่า กลุ่มแบงก์ยังมีความเสี่ยงของสินเชื่อ EARTH ขยายจากแบงก์กรุงไทย กสิกรไทยและทุนธนชาต ซึ่งกรณี EARTH ได้แจ้งว่าได้มีการฟ้องร้องต่อศาลในกรณีที่ธนาคารนำข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าไปเปิดเผยให้บุคคลอื่นทำให้ได้รับความเสียหายจากการไม่สามารถโอนเงินไปยังประเทศจีน เนื่องจากสินทรัพย์ถูกยึดเอาไว้ และทำให้ผิดนัดชำระหนี้ และการันตีอื่นๆ ซึ่งได้มีการนำข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าเกี่ยวกับเงินฝากของ EARTH ไปเปิดเผยให้กับ KTB และในประเด็นที่ว่าทำไม EARTH ถึงไม่เปิดเผยข้อมูลให้กับธนาคารก่อนที่สินทรัพย์จะถูกยึด โดย EARTH ตอบว่าเนื่องจากต้องรักษาความลับของลูกค้า แต่ได้มีการเชิญเจ้าหน้าที่ของธนาคารมาดูเอกสารที่บริษัทแล้ว

มุมมองของฝ่ายวิจัย จากกฎหมายสถาบันการเงินปี2551 มาตราที่ 154-155 ได้กล่าวว่าการนำข้อมูลความลับของบริษัทไปเปิดเผยเป็นความผิดส่วนบุคคลไม่ใช่ความผิดของนิติบุคคล โดยมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 1 ปี และ/หรือ ปรับ 1 แสนบาท

มาตราที่ 154-155 มีข้อยกเว้นคือ การเปิดเผยข้อมูลเป็นไปเพื่อเสถียรภาพในการดำเนินงานของธนาคาร โดยหาก KTB หรือ TCAP สามารถพิสูจน์ได้ว่าการทำธุรกิจซื้อขายดังกล่าวผิดข้อกำหนดของธนาคาร ทำให้ธนาคารมีสิทธิที่จะยึดบัญชีเงินฝาก เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพต่อการดำเนินงานจะทำให้คดีนี้ตกไป

ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าหนี้สินเดิมของ EARTH จะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูกิจการเช่นเดียวกับสหฟาร์ม และจะต้องรอฟังคำสั่งศาลในวันที่ 18 ก.ย.นี้ โดยรวมแล้วไม่เชื่อว่าTCAP จะต้องจ่ายเงิน 6 หมื่นล้านบาท ให้ EARTH และแต่ประเด็นนี้ จะยังเป็นความเสี่ยงกดดันการปรับตัวของ TCAP และ KTB

บล.เอเซียพลัส ประเมินว่า หุ้น TCAP ลงหนักแรงกดดันมาจาก EARTH ได้ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย TBANK (TCAP ถือหุ้น 50.96%) เป็นเงินกว่า 6 หมื่นล้านบาท ฐานเปิดเผยข้อมูลธุรกรรมการเงินในกับ KTB ส่งผลให้ KTB ยื่นเรื่องต่อศาลเพื่ออายัดเงินของ EARTH ที่อยู่ในบัญชีเงินฝากของ TBANK ซึ่งเป็นเงินที่ใช้สำหรับดำเนินธุรกิจซื้อขายถ่านหินให้กับคู่ค้าในจีน อย่างไรก็ตาม ทาง TBANK ยังไม่มีแผนต้องตั้งประมาณการหนี้สินจากคดีความฟ้องร้องที่เกิดขึ้น เนื่องจากเชื่อมั่นว่าการดำเนินธุรกิจเป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการแล้ว

จึงต้องไปพิสูจน์กันในชั้นศาลต่อไป ส่วนการอายัดเงินลูกค้า เป็นไปตามคำสั่งศาล ตามที่ชี้แจง ไม่ได้ทำโดยพลการ อีกทั้งอยู่ระหว่างประเมินตัวเลขความเสียหาย และมีโอกาสที่ว่าจะฟ้องร้องกลับ ทั้งนี้ เชื่อว่าข้อสรุปคำชี้แจงดังกล่าว จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นกลับมา โดยให้น้ำหนักไปที่การฟื้นตัวของธุรกิจหลัก อีกทั้งราคาหุ้นที่ยังถูก (P/BV เพียง 0.89 เท่า) กว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม และปันผลกว่า 5% ต่อปี