วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (11 ส.ค.60)

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (11 ส.ค.60)

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงจากความกังวัลในเรื่องของอุปทานน้ำมันดิบล้นตลาด

- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงจากความกังวัลในเรื่องของอุปทานน้ำมันดิบล้นตลาด ว่าการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของผู้ผลิตน้ำมันจากโอเปคและนอกโอเปค อาจจะไม่สามารถช่วยบรรเทาภาวะอุปทานน้ำมันดิบล้นตลาดได้

- โอเปคเผยว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในเดือน ก.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 173,000 บาร์เรลต่อวัน แตะระดับ 32.87 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากลิเบีย ไนจีเรีย และซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.59 และสูงกว่าระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นเพดานการผลิตที่มีการตกลงกันไว้ในเดือนพ.ย.59

- รัสเซียเผยว่าจะพิจารณาปรับเพิ่มปริมาณการผลิต หลังข้อตกลงระหว่างผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปคสิ้นสุดลงในเดือน มี.ค. 61

- ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังโลกยังคงอยู่ระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ในขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันอาจปรับตัวลดลง เนื่องจากฤดูการท่องเที่ยวสหรัฐ ใกล้สิ้นสุดลง

+ โอเปคปรับเพิ่มการคาดการณ์ปริมาณการใช้น้ำมันดิบในปี 2561 ว่าจะขยายตัว 1.28 ล้านบาร์เรลต่อวัน และปรับลดการคาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกลง 40,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 1.10 ล้านบาร์เรลต่อวัน


ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากปริมาณสต็อกน้ำมันเบนซินในสหรัฐ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันเบนซินยังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์เพิ่มเติมจากประเทศเวียดนาม

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังจากได้รับแรงหนุนจากอุปทานที่ลดลงจากเหตุเพลิงไหม้โรงกลั่นน้ำมันในประเทศเกาหลีใต้ ประกอบกับได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์เพิ่มเติมจากประเทศซาอุดิอาระเบีย


ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์หน้า

          ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 47-52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

          ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 49-54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

- ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ คาดจะปรับลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน หลังโรงกลั่นในสหรัฐ เพิ่มกำลังการกลั่นขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันในประเทศและภูมิภาคที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการนำเข้าน้ำมันดิบที่คาดจะปรับลดลง โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 4 ส.ค. ปรับลดลง 6.5 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือนที่ระดับ 475.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล

- การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ มีแนวโน้มทรงตัวจากสัปดาห์ก่อนหน้า หลังผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐ ชะลอการขุดเจาะลงในช่วงที่ผ่านและปรับลดงบลงทุน (CAPEX) ในปีนี้ลง โดย Baker Hughes รายงานปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 4 ส.ค. ปรับลดลง 1 แท่นมาอยู่ที่ระดับ 736 แท่น  ซึ่งนับเป็นการปรับลดลงเป็นครั้งที่สองในรอบสามสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นใกล้ระดับ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อาจจะส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐ เริ่มกลับมาเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันดิบและส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมันดิบอีกครั้ง

- ตลาดยังคงได้รับแรงหนุนต่อเนื่องจากการประชุมของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปคในวันที่ 7-8 ส.ค. ที่ผ่านมา หลังกลุ่มประเทศสมาชิกในข้อตกลงได้แก่  สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิรัก คาซัคสถาน และมาเลเซียแสดงเจตจำนงพร้อมที่จะเพิ่มความร่วมมือในการปรับลดกำลังการผลิตให้เป็นไปตามข้อตกลง นอกจากนี้ ซาอุดิอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ยังประกาศลดการส่งออกน้ำมันดิบในเดือน ก.ย. โดยซาอุฯ คาดจะปรับลดการส่งออกลงประมาณ 520,000 บาร์เรลต่อวัน ในขณะที่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะปรับลดการส่งออกลงร้อยละ 10 ของการส่งออกทั้งหมด          

------------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

โทร.02-797-2999