Retail Market Monitor (11 ส.ค.60)

Retail Market Monitor (11 ส.ค.60)

ความผันผวนระยะสั้นที่เรากังวล เริ่มปรากฎตัวตัวให้เห็น

ตลาดหุ้นโลกปรับลดลงราว 1% ขณะที่ดัชนีความเสี่ยง VIX ปรับขึ้นจาก 11.11 สู่ 16.04 จุด และทองคำ ปรับเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 อีก 10.8 เหรัยญสหรัฐฯ จากความกังวลคาบสมุทรเกาหลี โดยเฉพาะหลังประธานาธิปดีทรัมป์แสดงความเห็นตอบโต้ แผนทดสอบขีปนาวุธพิสัยกลางของเกาหลีเหนือ ในบริเวณใกล้เกาะกวม เราไม่คาดว่าจะเกิดสงครามขึ้น แต่สถานการณ์ความกังวลดังกล่าวอาจกระทบต่อความมั่นใจต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงและทำให้เกิดการปรับพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยง ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของเราที่กล่าวถึงความสี่ยงของความผันผวนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงส.ค.นี้ เรามองการปรับลงเป็นจังหวะดีในการเลือกหุ้นที่ยังมีการถือครองน้อย ราคาไม่แพงเกินไป และมีแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในครึ่งปีหลัง เก็งกำไรระยะสั้นเน้น กลุ่มเกษตร เดินเรือ ไฟฟ้า (บางตัว)

ภาพรวมกลยุทธ์: ความผันผวนระยะสั้นจะกระทบต่อหุ้นที่ซื้อขายด้วย valuation ที่แพง กลยุทธ์เน้นรับมือความผันผวนด้วยหุ้นที่ valuation ไม่แพง ไม่เสียเปรียบต้นทุน (ปรับลดลงมาเยอะหรือยังไม่ขึ้นมากนัก) หรือมีประเด็นบวกเฉพาะตัว กลุ่มที่แย่ที่สุดไปแล้วอาทิ SAMART*, SAMTEL*, THCOM, CPF เริ่มมีความน่าสนใจ การเก็งกำไรเน้นเลือกหุ้นที่ยัง Laggard และตั้งจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง // หุ้นแนะนำ BCPG, ACAP*, CPF //ประเด็นเก็งกำไร AQUA*, TTA*

ประเด็นการลงทุน

โภคภัณฑ์ – ราคาน้ำมันปรับลดลง หลังการผลิตกลุ่มโอเปคก.ค.ปรับเพิ่มขึ้นสู่ 32.9 ล้านบารืเรล/วัน เกินเพดานจำกัดการผลิตที่ 32.4 ล้านบาร์เรล/วัน / สินค้าเกษตร ข้าวโพด ถั่วเหลือง ข้าวสาลีปรับขึ้นจากรายงานสภาวะอากาศที่ยังแห้งแล้ง / โลหะมีค่า ทรงตัว / ค่าระวางเรือ BDI ปิด 1,092.00 จุด (+4.00%) / ถ่านหิน (Newcastle) ปิด 95.85 เหรียญ/ตัน (+0.68%) / ทองคำ ปรับเพิ่มขึ้นจากความกังวลสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี

ท่องเที่ยว – การหารือระหว่างกระทรวงการคลังและททท. ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องโครงการเที่ยวทั่วไทยไปทั่วถิ่น ซึ่งจะเป็นมาตรการภาษีขั้นบันได เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว โดยนำใบเสร็จช่วง ก.ย.-ต..มาหักลดหย่อยสูงสุด 5 หมื่นบาท

OBOR – ประธานสภาธุรกิจไทย-จีน แนะนำรัฐบาลเชื่อมโครงการ One belt one road (OBOR) ของจีนมาเชื่อมกับระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ของไทย รวมทั้งให้จีนเข้ามาลงทุนมากขึ้นทั้งทางบก ทางน้ำ ท่าเรือแหลมฉบัง ทางรถไฟ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้นจากปกติได้อีก 0.5% ของ GDP

รับเหมา – เอ.เอส – ชิโนไทย เสนอราคาต่ำสุด คว้างานรถไฟทางคู่นครปฐม-หัวหิน
รายงานผลการดำเนินงาน – (+) กำไรเพิ่ม YoY: BKD, FSMART, ASAP, JWD, BROCK, SYNTEC, PLANB, UWC, TSF, WORK, TICON, TK, IMPACT, TACC, CHG, PPS, KTC, ITEL, UREKA, RICHY, BEM, KWG, HARN, WINNER, ASIAN, CGD, WP, CCET, CPALL, SORKON, UTP, NETBAY / (-) กำไรลด YoY: APCO, NDR, PAF, MC, SGP, SMT, TIPCO, PTG, SMCOT, TMI, KYE, ABICO, GCAP, LOXLEY, NVD, BLA, , MALEE, UP, TIP, AIT, SMPC, BCP, TFI, BEC, ROBINS

MSCI – ไม่มีการเพิ่ม/ลดหุ้นไทยในการทบทวนดัชนีรอบนี้

ประเด็นติดตาม: 15 ส.ค. อัยการยื่นแถลงปิดคดีจำนำข้าว / 25 ส.ค. – ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีจำนำข้าว / 31 ส.ค. - ธปท.ผลักดันมาตรฐานกลาง QR code เพื่อการชำระเงิน /16 ก.ย. ภาษีสรรพสามิตใหม่

แนวรับ 1568/แนวต้าน : 1577 จุด สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH)


หุ้นแนะนำ

• BCPG (17) : ผลการดำเนินงานปกติแข็งแกร่ง แม้กำไรสุทธิอาจลดทอนในระยะสั้นจาก FX แต่มีโมเมนตัมเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลังจากผลการดำเนินงานของพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ซื้อเข้ามาเพิ่มเติม

• ACAP* (24) : คาดผลการดำเนินงานยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งพอร์ตสินเชื่อครึ่งปีที่ 5 พันล้านบาท ใกล้เคียงเป้าทั้งปีที่ 6 พันล้านบาท ทำให้มีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการขึ้น

• CPF (36) : ราคาปรับลดลงจนอยู่ในจุดที่น่าสนใจ คาดไตรมาส 2/60 แย่สุด แต่ครึ่งปีหลังแนวโน้มฟื้นจากสถานการณ์หมูในเวียดนามดีขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบถูก ขณะที่ตัวเลขการส่งออกกุ้งไปสหรัฐฯ ทำจุดสูงสุด

• ประเด็นลงทุน: AQUA* (คาดผลการดำเนินงานได้อานิสงค์จากกำไรของ EPCO ที่ดีขึ้นจากการรับรู้รายได้ค่าไฟจากโรงไฟฟ้า SST) / TTA* (ดัชนี BDI เข้าสู่ช่วง high season และคาดผลการดำเนินงานฟื้นตัว)