ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังโอเปกเผยผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในเดือนก.ค.

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าตลาดสหรัฐ ปิดตลาดวันพฤหัสบดี(10ส.ค.)ตามเวลาท้องถิ่น ปรับตัวลง โดยถูกกดดันจากรายงานของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ซึ่งระบุว่า โอเปกมีการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในเดือนก.ค.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนก.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาดไนเม็กซ์ ลดลง 97 เซนต์ หรือ 1.96%  ปิดที่ 48.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวลง 80 เซนต์ หรือ 1.52% ปิดที่ราคา 51.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ทั้งนี้ โอเปก เปิดเผยการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในเดือนก.ค. สูงกว่าระดับเพดานที่กำหนดไว้ และสูงกว่าความต้องการใช้น้ำมันในระดับโลก 

การผลิตน้ำมันของโอเปก เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนก.ค. โดยปรับตัวขึ้น 173,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับเฉลี่ย 32.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว และสูงกว่าระดับ 32.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นเพดานการผลิตที่มีการตกลงกันไว้ในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ขณะที่เมื่อเดือนพ.ค.ปีนี้ โอเปกตกลงที่จะขยายเวลาในการรักษาเพดานการผลิตดังกล่าวจนถึงไตรมาสแรกของปีหน้า

นอกจากนี้ การผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของโอเปกในเดือนก.ค.ยังสูงกว่าระดับ 32.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นตัวเลขคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันในระดับโลกในปีนี้

ราคาน้ำมันดิ่งลงราว 7% นับตั้งแต่ต้นปี โดยถูกกดดันจากความกังวลที่ว่าการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของผู้ผลิตน้ำมันจากโอเปกและนอกโอเปก อาจจะไม่สามารถทำให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกลดลงได้

ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันยังได้รับผลกระทบจากการที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว แต่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น สวนทางคาดการณ์ลดลง โดยสต็อกน้ำมันดิบลดลง 6.45 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 2.7 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 3.42 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล

ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 131,000 บาร์เรล