Daily Market Outlook (9 ส.ค.60)

Daily Market Outlook (9 ส.ค.60)

คิม จอง อึน ปะทะ ทรัมป์

คาดหุ้นไทยปรับตัวลงวันนี้ นักลงทุนโลกเผชิญแรงกดดันจากความตรึงเครียดในภูมิภาคเอเซียที่พุ่งขึ้น หลังจากเกาหลีเหนือระบุว่ามีแผนจะโจมตีฐานทัพของสหรัฐที่เกาะกวม และประธานาธิบดี ทรัมป์ ขู่กลับว่าจะตอบโต้อย่างรุนแรงที่สุดที่เป็นไปได้ สินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำราคาพุ่งขึ้นหมดเช้านี้ไม่ว่าจะเป็นตั๋วเงินคลังสหรัฐ ทองคำ เงินเยน เงินสวิสฟรังก์ นักลงทุนไม่ติดใจตัวเลขการค้าจีนที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดน่าจะเป็นเพราะตัวเลขดังกล่าวก็ยังขยายตัวในระดับปานกลาง ปัจจัยภายในประเทศก็เป็นลบ ความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ก.ค. ลดลงเป็นเดือนที่สามติดต่อกันแล้ว และต่ำสุดใน 7 เดือน ในขณะที่ความเชื่อมั่นนักลงทุนเป็นกลางใน 3 เดือนข้างหน้า

หุ้นเด่นวันนี้: THANI (ราคาปิด 6.35 บาท, ซื้อ, ราคาเป้าหมายปี 61 ของ AWS 7.40 บาท)

เราคาด บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง จะยังคงแสดงการเติบโตของกำไรอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของตลาดรถบรรทุก ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกของปี 60 ปริมาณการขายรถเพื่อการพาณิชย์ของไทยเพิ่มขึ้น 6.4% YoYและมีแนวโน้มที่ตัวเลขดังกล่าวจะเร่งตัวขึ้นในไตรมาสที่เหลือของปี เราคาดรถบรรทุกจะยังเป็นตัวขับเคลื่อนหลักต่อการเติบโตของพอร์ต THANI หนุนโดยการขยายตัวของภาคการก่อสร้างตามการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ นอกจากนี้ แนวโน้มพอร์ตอื่นๆ ดูสดใสเช่นกัน ซึ่งรวมถึงแท็กซี่ เนื่องจากบริษัทคาดว่าจะมีแท็กซี่ราว 10,000 คันหมดอายุในปีนี้ ปัจจุบัน พอร์ตรถบรรทุกคิดเป็นประมาณ 70% ของพอร์ตทั้งหมด ขณะที่ ส่วนที่เหลือเป็นพอร์ตรถหรูและอื่นๆ เราคาดพอร์ตสินเชื่อของ THANI จะเพิ่มขึ้น 15% YoY เราคาดการณ์กำไรสุทธิจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 17.7% ในปี 60 และ 22.8% ในปี 61 และอีกปัจจัยที่สำคัญ หุ้น THANI ให้อัตราเงินปันผลตอบแทนที่น่าสนใจที่ 3.9% เราปรับไปใช้ราคาเป้าหมายของปี 61 ที่ 7.40 บาท จากราคาเป้าหมายปี 60 ที่ 6.20 บาท และปรับคำแนะนำเป็น ซื้อ จาก ถือ ราคาเป้าหมายใหม่ของเราอิงจากค่า PER ที่ 14 เท่า และ EPS ปี 61 ที่ 0.53 บาท Price Pattern ของ THANI ยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ THANI ที่สามารถ Break ด้วยการปิดตลาดเหนือเป้าหมายแรกของการทำ New High ที่ 6.30 บาทไปได้แล้ว จึงมีเป้าหมายเบื้องต้นของการทำ New High อยู่ที่ 6.65 บาท และมีเป้าหมายสำคัญของการทำ New High อยู่ที่ 7.45 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ THANI มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 6.10 บาท (Resistance: 6.40, 6.45, 6.50; Support: 6.30, 6.25, 6.20)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• นายกฯ คาดเข้าพบทรัมป์ต.ค.นี้ โดยนายกฯ ประกาศเรื่องดังกล่าวในช่วงระหว่างการพบปะกับเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รมว. ตปท. สหรัฐฯ วานนี้ นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังสร้างความมั่นใจกับทิลเลอร์สันว่าไทยปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการสหประชาชาติอย่างเคร่งครัด โดยมูลค่าการค้าของไทยกับเกาหลีเหนือลดลงอย่างมากที่ 94% YoYในช่วงครึ่งปีแรก (บางกอกโพสต์)

• ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ค.ลดลง อยู่ที่ 73.9 จาก 74.9 ในเดือน มิ.ย. ลดลงติดต่อกัน 3 เดือนแล้ว และยังเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน เนื่องจากความกังวลในเหตุการณ์น้ำท่วม ราคาคอมมอดิตี้ที่ลดลง และเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า (บางกอกโพสต์)

• คาดยอดใช้จ่ายช่วงวันแม่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากผลสำรวจของ ม.หอการค้า ยอดใช้จ่ายในช่วงวันหยุดวันแม่ในช่วงสุดสัปดาห์นี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2.7% YoYเนื่องจากยังมีความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจ (บางกอกโพสต์)

• ความเชื่อมั่นนักลงทุนยังทรงตัว สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (Fetco Investor Confidence Index) ในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ต.ค. 60) อยู่ที่ 104.01 ปรับตัวขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาที่ 100.01 ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว การปรับตัวขึ้นดังกล่าวหนุนโดยเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะกลุ่มส่งออกและท่องเที่ยว (ผู้จัดการ Online)

• TCAP (ราคาปิด 45.75 บาท; ราคาเป้าหมายของ AWS ปี 60 ที่ 55.00 บาท) ชี้แจงในเว็บ ตลท. ว่าธนาคารธนชาตหรือ TBANK มีนโยบายในการดูแลรักษาความลับของลูกค้าอย่างเคร่งครัด และขอปฏิเสธข้อกล่าวหาจาก EARTH นอกจากนี้ ธนาคารชี้แจงเพิ่มเติมว่า การอายัดเงินในบัญชีเงินฝากของ EARTH เป็นการดำเนินการตามคำสั่งของศาล อีกทั้ง TBANK อาจมีการดำเนินคดีทางกฎหมายกับ EARTH ทั้งทางแพ่งและอาญาต่อไป (SET)ความเห็น: ปัจจุบัน TBANK ยังไม่ได้รับจดหมายเรียกหรือสำเนาดำเนินคดีฟ้องจาก EARTH แต่อย่างใด แม้ปัจจัยนี้อาจส่งผลต่ออารมณ์ตลาดในเชิงลบต่อหุ้น TCAP แต่เรามองว่ายังเร็วเกินไปที่จะสรุปประเด็นดังกล่าว ทำให้เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 60 ที่ 6.7 พันล้านบาท (+10.9% YoY)

ต่างประเทศ:

• เกาหลีเหนือเผยว่ากำลังพิจารณาแผนที่จะใช้จรวดโจมตีสหรัฐบริเวณเกาะกวมที่เป็นดินแดนของสหรัฐ แผนการโจมตีดังกล่าวจะนำไปปฏิบัติเมื่อไหร่ก็ได้เมื่อนายคิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือตัดสินใจ จากการเปิดเผยของโฆษกกองทัพประชาชนเกาหลี (KPA)

• ปธน.ทรัมป์เผยในระหว่างช่วงที่เขาพักร้อนว่าเกาหลีเหนือ “จะต้องเจอกับการโจมตีอย่างรุนแรง” อย่างที่โลกไม่เคยเห็นมาก่อน หากเกาหลีเหนือยังข่มขู่สหรัฐ (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเทียบกับสกุลเงินหลักเช้านี้ตามเวลาในเอเชียจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในคาบสมุทรเกาหลี ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลง 0.1% สู่ระดับ 93.545 ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือนในสัปดาห์ก่อนที่ 92.548 (Reuters)

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงเช้าวันนี้จากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวลงอยู่ที่ 2.261% จากที่ปิดระดับ 2.282% เมื่อวันอังคาร (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบ จากแรงเทขายในช่วงท้ายของการซื้อขายเนื่องจากนักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐยืนยันว่าจะตอบโต้อย่างรุนแรงต่อการข่มขู่จากเกาหลีเหนือ (Reuters)

ยุโรป:

• หุ้นยุโรปปรับตัวลงวานนี้ กดดันโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และท่องเที่ยว ขณะที่ผลการดำเนินงานที่ออกมาบางบริษัท เช่น Nokianและ Pandora ช่วยหนุนวอลลุ่มการซื้อขายของตลาด (Reuters)

เอเชีย:

• ยอดส่งออกและนำเข้าจีนเดือนก.ค. โตน้อยกว่าที่คาด โดยที่ยอดส่งออกเดือนก.ค. ขยายตัว 7.2% YoYต่ำสุดในรอบ 6 เดือนและลดลงจากที่ขยายตัว 11.3% ในเดือนมิ.ย. นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้น 10.9% ส่วนยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 11.0% ต่ำสุดในรอบ 7 เดือนและลดลงจากที่เพิ่มขึ้น 17.2% ในเดือนมิ.ย. รวมทั้งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 16.6% ส่งผลให้จีนมีดุลการค้าเกินดุล 4.67 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนก.ค. ซึ่งมากที่สุดนับแต่เดือนม.ค. เทียบกับประมาณการของนักวิเคราะห์ที่ 4.61 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และสูงกว่าตัวเลขในเดือนมิ.ย. ที่ 4.28 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)

• บีโอเจอาจปรับลดการซื้อพันธบัตรในมาตรการ QE ก่อนเงินเฟ้อถึงระดับเป้าหมายที่ 2% จากการเปิดเผยของนาย Kazumasa Iwata อดีตรองผู้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น เป็นการตอกย้ำถึงความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นต่อความพยายามที่จะขยายเวลาใช้มาตรการ QE ออกไป ความเห็นดังกล่าวขัดกับคำมั่นของบีโอเจว่าจะใช้มาตรการ QE จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• ราคาน้ำมันร่วงเมื่อวันอังคาร เนื่องจากปริมาณการส่งออกน้ำมันของกลุ่มผู้ผลิตโอเปกเพิ่มขึ้น แม้จะมีข่าวว่าปริมาณส่งออกของซาอุดิอาระเบียลดลงก็ตาม ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลง 23 เซนต์อยู่ที่ 52.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 22 เซนต์อยู่ที่ 49.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (Reuters)

• ทองคำตลาดจรเพิ่มขึ้น 0.1% อยู่ที่ 1,261.71 ดอลลาร์ต่อออนซ์เช้านี้ดีขึ้นจากช่วงการซื้อขายก่อนหน้าที่ปรับตัวลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ (Reuters)