ท่องเที่ยวบูม‘อินเดียใต้’ชูตลาดใหญ่ตามรอยจีน

ท่องเที่ยวบูม‘อินเดียใต้’ชูตลาดใหญ่ตามรอยจีน

“กอบกาญจน์” ส่งสัญญาณขยายตลาดใหม่ “อินเดีย” บุกภาคใต้ รับอานิสงส์โลว์คอสท์ขยายเส้นทางบูม “ท่องเที่ยว” ชี้ศักยภาพโตตามรอยจีน 

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า  หลังการหารือกับ นายอมิตาบ คานท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จากสถาบันปฏิรูปประเทศอินเดีย ซึ่งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวซึ่งนายอมิตาบ ผู้บุกเบิกแนวคิด “Incredible India” แคมเปญการตลาดที่ทำให้ท่องเที่ยวอินเดียมีชื่อเสียงในระดับโลก แสดงความเชื่อมั่นว่าการวางตำแหน่งการตลาดของไทยที่เน้นคุณภาพเพื่อสร้างการเติบโตยั่งยืนผ่านการกระจายรายได้นั้นถือว่ามาถูกทางแล้วและยังมีศักยภาพในการจับตลาดนักท่องเที่ยวอินเดียจากภูมิภาคใหม่ๆ ให้มาเที่ยวมากขึ้นพร้อมกับแนะนำว่าการใช้กลยุทธ์นำคนดังมาช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว (Celebrity Marketing) เป็นแนวทางที่ใช้ได้ผลสำหรับตลาดอินเดีย

สำหรับแนวทางส่งเสริมตลาดใหม่ในอินเดียการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังพื้นที่ตอนใต้มากขึ้น ซึ่งมีการเติบโตของสายการบินโลว์คอสท์ เช่น  ไทยแอร์เอเชีย กำลังขยายเส้นทางเพิ่มมากขึ้น โดยเปิดเส้นทางใหม่ไปยังเมืองติรุจิรัปปัลลิ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ช่วยลดอุปสรรคของนักท่องเที่ยวอินเดียที่มีความต้องการมาไทยสูงแต่ไม่มีเที่ยวบินตรง

“อินเดียเป็นตลาดที่ต้องจับตามองในฐานะขยายตัวได้สูงและรวดเร็วตามรอยตลาดจีนซึ่งครองส่วนแบ่งราว 1 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดขณะนี้”

ปีที่ผ่านมาอินเดียมาเที่ยวไทยกว่า 1.2 ล้านคน ตั้งแต่ต้นปี ขยายตัวกว่า 16%  ดังนั้นหากสามารถรักษาการเติบโตดังกล่าว หรือกระตุ้นตลาดเพิ่มมากขึ้นได้ คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 2 ล้านคนได้ภายใน 3 ปี ยิ่งเมื่อ ททท.เข้าไปเพิ่มตัวแทนการตลาด (Marketing Representative) เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายในเมืองใหม่ๆ เช่น เมืองเศรษฐกิจทางตอนใต้

ข้อมูลจาก ททท. สำนักงานมุมไบซึ่งดูแลพื้นที่ตลาดภาคใต้และตะวันตกของอินเดีย ระบุว่า ตลาดท่องเที่ยวจากอินเดียมีศักยภาพสูงประเทศหนึ่งในโลก  จากการคาดการณ์ขององค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นดับเบิลยูทีโอ) ประเมินว่าจะมีถึง 50 ล้านคน ภายในปี 2563 

โดยมีปัจจัยหนุน ได้แก่ การขยายตัวทางเศรษฐกิจในอัตราสูงกว่า 7% การขยายตัวของการบินโลว์คอสท์ การขยายตัวของชนชั้นกลางในเมืองที่จะเกินหลัก 500 ล้านคน ภายในปี 2568  การเติบโตของกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง (High-net-worth individual : HNI) จะเติบโต 6 เท่า ภายในปี 2573 หรือจาก 2 แสนคน ในปี 2554  เป็น 1.2 ล้านคน ส่งเสริมให้เกิดความต้องการสินค้าท่องเที่ยวหรูหรามากขึ้น

ภายในปี 2568 จะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลกตามหลังจีน สหรัฐ  ญี่ปุ่น และเยอรมนี

ส่วนเส้นทางบินเชื่อมต่อกับอินเดียตอนใต้ ปัจจุบันมี 5 เส้นทางหลัก รวมกว่า 2 หมื่นที่นั่ง/สัปดาห์ ได้แก่ มุมไบ มีเที่ยวบินมากที่สุด 48 เที่ยว/สัปดาห์ รวมกว่า 1.1 หมื่นที่นั่งจาก 5 สายการบินตามด้วยเชนไน มี 12 เที่ยว/สัปดาห์  เบงกาลูรู 12 เที่ยว/สัปดาห์ โดยทั้งสองเส้นทางนี้มีการบินไทยและไทยแอร์เอเชียให้บริการส่วนโกชิ 7 เที่ยว/สัปดาห์ และไฮเดอราบัด 6 เที่ยว/สัปดาห์ ให้บริการโดยไทยแอร์เอเชีย

ด้านนายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ปัจจุบันไทยแอร์เอเชียมี 6 เส้นทางสู่อินเดีย จากเดิมมีเชนไน บังกะลอร์ กัลกัตตา และโกชิ ล่าสุด เพิ่มจุดบินที่ติรุจิรัปปัลลิ และชัยปุระเส้นทางละ 4 เที่ยว/สัปดาห์ เริ่มให้บริการในเดือน ก.ย.

ตลาดอินเดีย เติบโตอย่างแข็งแกร่งมีนักท่องเที่ยวมาเยือนไทยมากเป็นอันดับ6และส่งผลให้อัตราบรรทุกเฉลี่ยสูงราว 80%  สัดส่วน 80-85% เป็นลูกค้าอินบาวด์จากอินเดีย