เตรียมนำ "ห้วยทรายขมิ้นโมเดล" เป็นบทเรียนหาแนวทางป้องกันอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศ
เมื่อวันที่ 6 ส.ค.60 ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) พร้อมคณะวิศวกรรมอาสา ลงพื้นที่พร้อมเจ้าหน้าที่วิศวกรผู้เชี่ยวชาญ กรมชลประทาน ตรวจสภาพพื้นที่อ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น บ.ห้วยทราย ต.พังขว้าง อ.เมือง จ.สกลนคร ที่คันดินสันอ่างเก็บน้ำ ถูกน้ำกัดซัดเซาะพังเสียหาย จากภาวะฝนตกหนักในพื้นที่ปริมาณน้ำฝนเกิน 200 มิลลิเมตร จนทำให้อ่างเก็บน้ำถูกน้ำกัดเซาะมีมวลน้ำกว่า 8 ล้านลูกบาศก์เมตร ไหลทะลักออกจากอ่าง ก่อนจะไหลลงสู่ลำน้ำสาขาไปยังพื้นที่ลุ่มต่ำ และมีมวลน้ำประมาณ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร ไหลเข้าสู่เขตเทศบาลนครสกลนคร ระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร
ดร.ธเนศ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นอุบัติภัยต่ออ่างเก็บกักน้ำ ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก จากการลงพื้นที่ทราบว่า กรมชลประทาน จะทำคันดินแบบครอปเฟอร์แดม ( COFFER DAM ) เป็นบล็อกคล้ายรูปตัวยู ซึ่งจะช่วยในการต้านแรงดันได้เป็นอย่างดี และเป็นการเสริมกำลังในส่วนที่พัง เพราะถ้าการซ่อมแซมคันดินในส่วนที่พังทั้ง 2 จุด แล้วมีการบดอัดดินลงในแนวคันดินเดิม ที่สภาพข้างล่ายังเป็นดินเลนอยู่ จะทำให้เกิดข้อผิดพลาด ในขณะที่ทำการบดอัดดินข้างบนแน่น แต่พื้นล่างจะมีโอกาสถูกกัดเซาะได้อีก จึงมีการวางแผนเปิดแนวคันดินใหม่ให้เป็นโค้งเว้าไปข้างใน จะสามารถซ่อมแซมได้ทันในช่วง 20 วัน ก่อนที่จะมีฝนตก และมีมวลน้ำก้อนใหม่เข้ามา จะช่วยป้องกันได้ เป็นการซ่อมแซมชั่วคราว แต่เป็นการบดอัดแบบเต็มรูปแบบ และด้านหน้าอ่างจะมีการขุดลอกให้สามารถรับน้ำได้เพิ่มมากขึ้น อีก 6 แสนคิว จะทำให้สามารถเก็บกักน้ำได้มากกว่าเดิม
“ส่วนในการซ่อมแซมถาวรนั้น ทราบว่า กรมชลประทานจะมีการทำแนวคันดินใหม่ เป็นบล็อกอยู่ด้านนอก แต่จะประสานเชื่อมกับแนวเดิม และจะมีการเพิ่มแนวคันดินสูงขึ้นมาอีก 2 เมตร ถึง 2.50 เมตร จะทำให้สามารถเก็บกักน้ำได้ถึง 3 – 3.5 ล้านคิว ซึ่งต้องยอมรับว่าแนวดินสันอ่างเดิม ก่อสร้างมาตั้งแต่ ปี 2499 หรือกว่า 61 ปี จึงเรียกว่าอยู่ในสภาพไม่มั่นคงแข็งแรง และในการซ่อมแซมใหม่ จะเป็นการนำเทคโนโลยีแนวคิดใหม่ๆเข้ามาประยุกต์ เรียกว่า คอปเวอร์แดม เป็นการล็อกใช้ดินเหนียวเป็นแกนกลาง ให้เป็นลิ่มเจาะลงไปตรงกลาง ทำให้การไหลงผ่านของน้ำตรงกลางทำได้ยากขึ้น และโดยรูปทรงของคอปเฟอร์แดม สามารถต้านแรงดันน้ำได้สบาย เปรียบเหมือนสะพานโค้ง ในส่วนของความมั่นคง ถ้ามีการบดอัดตามที่วางแผนไว้ โดยบดอัดทุกๆ 30 ซม.ตามมาตรฐานหลักวิศวกรรม ถือว่ามีความแข็งแรง”ดร.ธเนศ กล่าว
การตรวจมาตรฐานของโครงสร้างอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศ ให้มีมาตรฐานความปลอดภัย ซึ่งต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง แม้จะมีการตรวจสอบตามวงรอบอยู่แล้ว แต่จะต้องมีมาตรการให้รัดกุมมากขึ้น ไม่ใช่ตรงไหนพังแล้วมาค่อยซ่อมแซม แต่จะต้องมีการตรวจสอบ และซ่อมแซมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตามมาตรฐานหลักวิศวกรรม และในระหว่างวันที่ 16 – 18 พฤศจิกายนนี้ สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ( วสท. ) จะมีการจัดงานวิศวกรรมแห่งชาติประจำปี และปีนี้ได้เกิดอุบัติภัยกับอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น จ.สกลนครขึ้น จะมีการนำเหตุการณ์นี้ไปเป็นกรณีศึกษา ให้ประชาชนได้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น และเชิญชวนวิศวกรที่สนใจเข้าร่วมรับฟังถึง หลักการเหตุผล ขั้นตอนการทำงานต่างๆ จะเข้าใจมากขึ้น และจะขอความร่วมมือกับกรมชล ประทาน ได้ส่งวิศวกรผู้เชี่ยวชาญไปเป็นวิทยากร ให้ความรู้ตั้งแต่กระบวนการซ่อมแซม ให้เห็นภาพทุกแง่มุมจากสถานที่จริง สามารถนำความรู้ไปต่อยอดในการรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง