'บิ๊กตู่' ขีดเส้นต้องหาผู้ร่วมทุน 'ไอแบงก์'ให้จบในปีนี้
"นายกรัฐมนตรี" สั่ง "ไอแบงก์" เร่งหาพันธมิตรร่วมทุนภายในสิ้นปีนี้ เผย "วิชัย ทองแตง" สนซื้อหุ้นเสนอขอทำดิวดิลิเจนท์แล้ว ขณะที่ "กองทุนและแบงก์อิสลาม" จากมาเลย์เสนอตัวเป็นพันธมิตร
รัฐบาลยังคงเดินหน้าแก้ไขสถานะทางการเงินของ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย(ไอแบงก์) ล่าสุดในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(คนร.) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้สั่งการให้ ไอแบงก์ เร่งหาพันธมิตรร่วมทุนให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2560
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) กล่าวว่า ในที่ประชุม คนร. ผู้บริหารไอแบงก์ ได้รายงานต่อที่ประชุมเกี่ยวกับแผนการสรรหาพันธมิตรเพื่อเข้าร่วมทุนของธนาคารว่า ขณะนี้ มีผู้สนใจเข้าเจรจาเป็นพันธมิตรกับธนาคาร 3 ราย โดยเป็นนักลงทุนที่อยู่ในประเทศและต่างประเทศ คาดว่าการเจรจาจะแล้วเสร็จในเร็วๆนี้
"ทางผู้บริหารอิสลามแบงก์รายงานว่า มีนักลงทุนที่อยู่ระหว่างการเจรจาเข้าร่วมทุนกับธนาคารจำนวน 3 ราย แต่ยังบอกไม่ได้ว่า เป็นใครบ้าง เพราะบางรายก็อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ด้วย แต่เป็นนักลงทุนที่อยู่ทั้งในและต่างประเทศ"
ขีดเส้นหาพันธมิตรก่อนสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายในเรื่องการเจรจาหาพันธมิตรร่วมทุนดังกล่าวว่า ให้ธนาคารเร่งเจรจา โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ เพื่อให้การบริหารจัดการธนาคารเดินหน้าไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทางผู้บริหารของธนาคารก็รับปากจะทำหน้าที่เจรจาให้แล้วเสร็จ
สำหรับแผนการเพิ่มทุนในวงเงิน 1.8 หมื่นล้านบาทนั้น เขากล่าวว่า การเพิ่มทุนดังกล่าว เป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่ทางธนาคารจะต้องหาพันธมิตรเข้าร่วมทุน ซึ่งกระทรวงการคลังได้เตรียมเม็ดเงินลงทุนไว้เรียบร้อยแล้ว โดยจะนำมาจากกองทุนแบงก์รัฐที่มีวงเงินอยู่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท แต่การใส่เงินเพิ่มทุนนั้น จะไม่ใส่ไปในคราวเดียว ซึ่งจะขึ้นอยู่กับแผนการดำเนินงานของธนาคารหลังมีพันธมิตรเข้ามาร่วมทุนแล้ว
"การใส่เงินเพิ่มทุนจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการหาพันธมิตร โดยเมื่อหาพันธมิตรได้แล้ว เราจึงจะใส่เงินเพิ่มทุนให้ตามแผนการดำเนินธุรกิจ" เขากล่าวและว่า ทั้งนี้ กองทุนแบงก์รัฐถูกจัดตั้งขึ้นมา เพื่อรักษาเสถียรภาพแบงก์รัฐทั้งหมด ฉะนั้น การนำเงินดังกล่าวมาใช้ในการเพิ่มทุนอิสลามแบงก์ ก็ถือว่า เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุน
ดึงเงินกองทุนแบงก์รัฐเพิ่มทุน
ด้านนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)ในฐานประธานประชุมคณะอนุกรรมการบริหารและอำนวยการในคณะกรรมการกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ(กองทุนแบงก์รัฐ)กล่าวว่า ขณะนี้ กองทุนแบงก์รัฐมีเงินอยู่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท พร้อมนำเงินดังกล่าวไปเพิ่มทุนให้อิสลามแบงก์ แต่ในการเพิ่มทุนคงต้องรอการแก้ไขกฎหมายของธนาคารให้แล้วเสร็จก่อน รวมถึงการหาพันธมิตร ซึ่งเงินเพิ่มทุนที่กองทุนแบงก์รัฐต้องใส่ให้กับไอแบงก์อยู่ประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือจะมาจากงบประมาณ
"ในการเพิ่มทุนนั้น อิสลามแบงก์ทำตามมติ ครม. คือ ต้องแก้กฎหมายให้คลังสามารถถือหุ้นได้เกิน49% และต้องหาพันธมิตรให้ได้ก่อน ซึ่งกองทุนแบงก์รัฐมีเงินพร้อม เพราะการเพิ่มทุนนั้นเป็นลักษณะการทยอยใส่เงินเข้าไป สิ่งสำคัญคือ ไอแบงก์ต้องทำตามเงื่อนไขข้างต้นให้ได้ก่อน" นายกฤษฎา กล่าว
สำหรับเงินกองทุนแบงก์รัฐนั้นเป็นเงินที่แบงก์รัฐต้องส่งเงินเข้ากองทุน 0.25% ของเงินฝาก โดยนำส่งเข้ากองทุนปีละ 2 งวดคือ ในช่วงกลางปีกับปลายปี โดยจะมีเงินเข้ามางวดละกว่า 4 พันล้านบาท หรือปีละ 8 พันล้านบาท ในปี 2561 เงินดังกล่าวน่าจะเพียงพอ
ผู้สนใจร่วมทุนเพิ่มเป็น 4 ราย
ส่วนการเพิ่มทุนไอแบงก์ทั้งหมด หลังจากนั้นจะนำเงินไปใช้ในการพัฒนาแบงก์รัฐในด้านอื่นๆ เช่น การพัฒนาระบบเพื่อรองรับมาตรฐานทางบัญชีใหม่ การทำระบบไอทีกลางเพื่อใช้ร่วมกันเป็นต้น
แหล่งข่าวจากธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย กล่าวว่า นอกจากผู้แสดงความสนใจทั้ง 3 ราย ที่ขอเข้ามาเจรจาร่วมเป็นพันธมิตรกับธนาคารแล้ว ล่าสุดมีผู้สนใจเพิ่มเข้ามาอีก 1 ราย ทำให้ปัจจุบันมีผู้แสดงความสนใจเข้าเป็นพันธมิตรร่วมทุนกับธนาคารรวมแล้ว 4 ราย
สำหรับผู้แสดงความสนใจเหล่านี้มีทั้งผู้ลงทุนไทยและต่างประเทศ โดยผู้ลงทุนจากต่างประเทศ เป็นกองทุนอิสลามจากมาเลเซีย และธนาคารพาณิชย์จากมาเลเซีย ได้แสดงความสนใจที่จะเข้ามาร่วมทุนกับธนาคาร
โดยคุณสมบัติพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมทุน สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธนาคาร ผู้ที่เข้ามาจะต้องช่วยสนับสนุนฟื้นฟูธนาคารให้มีการเติบโตให้เร็วที่สุด สำหรับสัดส่วนการเสนอขายหุ้นให้กับพันธมิตร มีโอกาสที่จะปรับเพิ่มขึ้น จากเดิมกำหนดไว้ไม่เกิน 74.5% แต่ถ้ามีผู้ลงทุนสนใจสามารถเจรจาเพิ่มสัดส่วนได้ถึง 80% ขึ้นอยู่กับการพิจารณาและข้อเสนอ
"วิชัย ทองแตง" สนร่วมทุน
ส่วนผู้ลงทุนไทยที่แสดงความสนใจ คือ นายวิชัย ทองแตง อดีตประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้ขอเข้ามาตรวจสอบฐานะทางการเงิน(ดิวดิลิเจนท์) ของธนาคาร อย่างไรก็ตาม การเปิดให้เข้ามาดูสถานะข้อมูลของธนาคารนั้น จะดำเนินการพร้อมกัน คือ เปิดให้ผู้ที่แสดงความสนใจเข้ามาตรวจสอบสถานะธนาคารพร้อมกัน
แหล่งข่าวกล่าวว่า การหาพันธมิตรเข้าร่วมทุนนั้น ธนาคารจะดำเนินการควบคู่ไปกับการเพิ่มทุน ล่าสุดคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติอนุมัติให้ใส่เงินเพิ่มทุนจำนวน 1.81 หมื่นล้านบาท ซึ่งทุกอย่างคาดว่าจะจบภายในสิ้นปีนี้
สำหรับผลดำเนินงานไตรมาสแรกปี 2560 ธนาคารมีผลขาดทุนสุทธิ 418.25 ล้านบาท โดยธนาคารมีหนี้สินรวมสูงกว่าสินทรัพย์รวม 17,505.91 ล้านบาท และมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ 56,384 ล้านบาท คิดเป็น 61% ของเงินให้สินเชื่อและรายได้ทางการเงินค้างรับ