คาด 'หุ้นไทย' ถูกกดดันปัจจัยตปท.

บล.กรุงศรี ระบุว่า แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (4ส.ค.) คาด SET Index จะยังผันผวนในกรอบจำกัด ตามตลาดหุ้นต่างประเทศซึ่งรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในคืนวันนี้ซึ่งจะเป็นดัชนีบ่งชี้ว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่

หุ้นในกลุ่มพลังงานวันนี้อาจจะถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงรวมถึงผลประกอบการที่อ่อนแอของ IRPC แต่คาดว่าจะส่งผลลบต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานในกรอบจำกัดเนื่องจากผลประกอบการที่อ่อนแอตลาดรับรู้ไปบ้างแล้ว

ส่วนกลุ่มแบงก์ยังปรับขึ้นไม่ได้จากความกังวลปัญหา NPL ดังนั้นวันนี้คาดเม็ดเงินลงทุนจะยังหมุนไปหุ้นขนาดกลางถึงเล็กเพื่อเก็งกำไรงบ 2Q17 เหมือนกับเมื่อวาน

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ ยังเน้น Selective buy ตามเดิม โดยเน้นหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/17จะออกมาดีและราคาได้พักตัวมาแล้วในช่วงก่อนหน้า อาทิ ASIAN BPP BR ORI EA MTLS IHL CBG JMART* SYNTEC* PT*,

กลุ่มโรงพยาบาลควรหาจังหวะขายทำกำไร BH และ SWITCH ไปยังหุ้นโรงพยาบาลขนาดกลางที่งบ 2Q17 จะออกมาดี (BCH CHG และ VIBHA)

รอเก็บสะสมกลุ่มที่จ่ายปันผลสูงและมีปันผลระหว่างกาล อาทิ SCC SCCC ADVANC LH QH KKP MC (หมายเหตุ* : เรายังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน)

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น GCAP (ซื้อ/เป้า 6.4 บาท) หุ้นลิสซิ่งไซด์เล็กที่พร้อมโตแบบก้าวกระโดด ราคายังไม่แพง ประเมินกำไรสุทธิในช่วง 3 ปีข้างหน้า (2016-2019) เติบโตเฉลี่ย (CAGR) ประมาณ 40% ต่อปี,

RCL (ซื้อเก็งกำไร/เป้า BVPS 10.4) ราคาหุ้น RCL ถือว่าถูก โดยคิดเป็น P/BV ที่ 0.8x เท่านั้น (BV อยู่ที่ 10.4 บาท/หุ้น) ในขณะที่ P/BV เฉลี่ยของหุ้นเดินเรือในเอเซียอยู่ที่ 1.3x เรามองว่า RCL เป็นหุ้น laggard ซึ่งจะมีปัจจัยกระตั้นระยะสั้นคือการพลิกฟื้นใน 2Q-3Q60 ตามดัชนีที่ฟื้นตัว และปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ที่ท่าเรือต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น เราคาดว่าการรวมตัวของบริษัทในธุรกิจเดินเรือจะส่งผลดีต่อทั้งอุตสาหกรรม และหนุนให้อัตราค่าระวางขยับสูงขึ้นในระยะยาว ซึ่งเราเชื่อว่าจุดนี้มีโอกาสจะเป็นจุดเริ่มต้นของวัฏจักรขาขึ้นของธุรกิจเดินเรือ