มาสเตอร์แอดรุกสื่อดิจิทัล-ตจว.ดันรายได้โต2เท่า

มาสเตอร์แอดรุกสื่อดิจิทัล-ตจว.ดันรายได้โต2เท่า

“มาสเตอร์แอด”เดินโรดแมพ 3 ปี สร้างเครือข่ายป้ายโฆษณาทั่วประเทศ ติดตั้งสื่อดิจิทัลกว่า 100 ทำเล พร้อมผนึกสื่อในเครือวีจีไอปั้นแพ็คเกจตอบโจทย์แบรนด์สื่อสารครบวงจร ดันรายได้ 3ปีโต“2เท่า”แตะ 2พันล้านปี62

ภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาครึ่งปีแรก 2560 นีลเส็น ประเทศไทย รายงานตัวเลขติดลบ 7% พบว่าสื่อดั้งเดิมส่วนใหญ่อยู่ในภาวะลดลง 23.3% รวมทั้งสื่อโทรทัศน์ ที่ติดลบ 9.6% ขณะที่กลุ่มสื่อนอกบ้าน ทั้งป้ายโฆษณา สื่อในระบบขนส่ง และอินสโตร์มีเดีย เติบโต 26.6%

นางศุภรานันท์ ตันวิรัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO บริษัทสื่อโฆษณากลางแจ้งที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ เปิดเผยว่า

 ปีที่ผ่านมากลุ่มสื่อโฆษณานอกบ้าน มีส่วนแบ่งในอุตสาหกรรมโฆษณามูลค่า“แสนล้านบาท” ที่สัดส่วน 9.4% ท่ามกลางภาวะชะลอตัวของเม็ดเงินโฆษณาปีนี้ จากปัจจัยสถานการณ์เศรษฐกิจและกำลังซื้อถดถอย

ขณะที่สื่อนอกบ้านยังมีแนวโน้มเติบโตทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด จากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตนอกบ้านวันละ 12 ชั่วโมง การขยายตัวของสังคมเมืองในพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งราคาสื่อนอกบ้านต่ำกว่าสื่อแมสทีวี ทำให้ยังมีโอกาสเติบโต คาดว่าปีนี้สื่อนอกบ้านจะครองส่วนแบ่งอุตสาหกรรมโฆษณาเพิ่มขึ้นเป็น 12.5% หรือมีมูลค่ากว่า 1.25 หมื่นล้านบาท ขณะที่สื่อแมสและสื่อดั้งเดิมอื่นๆ มีแนวโน้มลดลง

วางเป้า3ปีโต“2เท่าตัว”

 จากทิศทางการขยายตัวภาพรวมกลุ่มสื่อนอกบ้าน บริษัทวางโรดแมพธุรกิจ 3 ปี (2560-2562) เดินหน้าขยายสื่อนอกบ้าน กลุ่มป้ายโฆษณากลางแจ้งและพัฒนาป้ายดิจิทัลทั่วประเทศ โดยวางเป้ารายได้เติบโตก้าวกระโดด “2เท่าตัว” จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ 900 ล้านบาท โดยในปี 2562 จะแตะ 2,000 ล้านบาท 

กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจมุ่งสร้างเครือข่ายป้ายโฆษณาทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัด เนื่องจากต่างจังหวัดมีโอกาสเติบโตจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากนโยบายการลทุนภาครัฐหลายโครงการ การขยายการลงทุนในกลุ่มค้าปลีกรายใหญ่ ทำให้สินค้าและแบรนด์ต่างๆ ต้องการเข้าไปเจาะกำลังซื้อในต่างจังหวัดมากขึ้น 

บริษัทจึงเห็นโอกาสการเติบโตการใช้งบโฆษณาสื่อนอกบ้านในต่างจังหวัด จึงขยายธุรกิจสื่อด้วยการซื้อกิจการ 2 บริษัทสื่อป้ายโฆษณา คือ "มัลติไซน์" และ"โคแมส" เพื่อสร้างข้อได้เปรียบในเรื่องของทำเลติดตั้งป้ายทั่วประเทศ โดยเฉพาะในต่างจังหวัดในเขตเมือง  ปัจจุบันบริษัทมีป้ายโฆษณาในมือทั่วประเทศกว่า 2,300 ป้าย 

ภายใต้โรดแมพ 3ปี ยังมองการซื้อกิจการธุรกิจสื่อนอกบ้านเพิ่มเติม แต่ละปีจะใช้งบลงทุน 300-400 ล้านบาทต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายโตปีละ 20%

“ธุรกิจสื่อนอกบ้านเป็นเกมของวอลุ่ม รายใหญ่ที่สร้างฟุตพริ้นท์ได้ทั่วประเทศ จะแข็งแกร่งและอยู่รอด” 

รุกสื่อป้ายดิจิทัล100ทำเล

นางศุภรานันท์ กล่าวว่าอีกกลยุทธ์สำคัญในช่วง 3 ปีนี้ คือการขยายป้ายโฆษณาดิจิทัล (จอแอลอีดี) ปัจจุบันได้ติดตั้งป้ายดิจิทัลไปแล้ว 21 ป้าย ใน 19 จังหวัด เป็นทำเลซีบีดี ที่มีกลุ่มเป้าหมายเห็นสื่อไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านคนต่อวัน เนื่องจากเป็นไพรม์แอเรียที่ต้องเดินทางทุกวัน  

ปี 2561 มีแผนติดตั้งป้ายดิจิทัลอีก 30 ทำเล รวมเป็น 50 ทำเล ใน 50 จังหวัด และปี 2562  ติดตั้งเพิ่มเป็นกว่า 100 จังหวัด ครบทั่วประเทศ 77 จังหวัด ซึ่งจะทำให้มีรายได้จากสื่อดิจิทัลไม่ต่ำกว่า 20% ของรายได้

“การขยายป้ายดิจิทัลทั่วประเทศในปีนี้ ทำให้มีประสิทธิภาพเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายไม่ต่างจากสื่อแมสอื่นๆ เฉลี่ย 1 สปอตโฆษณาป้ายดิจิทัล สามารถเข้าถึงผู้บริโภคกว่า 6.3 ล้านคน”

สำหรับการดำเนินธุรกิจครึ่งปีหลังได้ร่วมมือกับธุรกิจสื่อในเครือ ทั้ง วีจีไอ ,แอโร มีเดีย ,แรบบิท  และเดโม เพาว์เวอร์ ผู้ดำเนินธุรกิจจัดกิจกรรมการตลาดและการสาธิตสินค้า  นำเสนอแพ็คเกจสื่อโฆษณาครบวงจร ซึ่งจะทำให้บริษัทมีอัตราการใช้พื้นที่โฆษณาของบริษัทเพิ่มขึ้น 

“เชื่อว่าแพ็คเกจดังกล่าวจะได้รับความสนใจจากสินค้าและแบรนด์ต่างๆ เนื่องจากตอบโจทย์การสื่อสารครบวงจรของกลุ่มสื่อนอกบ้าน”

จ่ายปันผลระหว่างกาล

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2560 ถือเป็นไตรมาสที่บริษัทมีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดด ทั้งในด้านการเพิ่มรายได้ ลดต้นทุน และการสร้างกำไร โดยในไตรมาสนี้มีรายได้ 199 ล้านบาท เติบโต 11% จากปีก่อน และเติบโต 5% จากไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลมาจากการรับรู้รายได้ของบริษัทมัลติ ไซน์ ที่เข้าซื้อกิจการในช่วงกลางปีก่อน และยอดขายสื่อที่ปรับตัวดีขึ้นจากทั้งสื่อป้ายกลางแจ้งและสตรีทเฟอร์นิเจอร์ รวมไปถึงการพลิกฟื้นกลับมาทำกำไรของสื่อที่อยู่ในปั๊มน้ำมันปตท.จิฟฟี่กว่า 200 ป้าย

นอกจากรายได้จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งแล้ว บริษัทยังเริ่มรับรู้ผลจากมาตรการตัดรายจ่ายที่เกินความจำเป็นออกไป ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นของสื่อบางประเภทและการเปลี่ยนแปลงโมเดลของการเช่าป้ายมาเป็นลงทุนเองที่บริษัทได้เริ่มดำเนินการเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ในไตรมาส2 บริษัทมีกำไรเติบโต 37% จากไตรมาสก่อนหน้าและเติบโต 26% จากปีก่อน คาดรายได้ทั้งปีเติบโตไม่น้อยกว่า 20% 

จากผลการดำเนินงานที่เติบโตดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 1 ส.ค.2560 จึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกปีนี้ ในอัตรา 0.018 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดปิดสมุดพักการโอนหุ้นสำหรับผู้ที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 17 ส.ค.2560 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 30 ส.ค. 2560