รอง ผบ.ตร.รุดแถลงรวบแก๊งนายหน้าลักพาตัวนักธุรกิจชาวอินเดียเรียกค่าไถ่ที่สุวรรณภูมิ
ที่โรงพัก สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.ธรรมนูญ ไตรทิพยพงศ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตำรวจท่องเที่ยงเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุม3ผู้ต้องหาชาวอินเดียแก๊งลักพานักธุรกิจชาวอินเดียเรียกค่าไถ่ ประกอบด้วย นายอาลี ไซเอ็ด อาร์สัน / นายคาเดียร์ คาน โมฮัมเหน็ด และ นายซาลมาน สามผู้ต้องหาชาวอินเดีย ที่ร่วมกับพวกที่หลบหนีลักพาตัวMr.Shaikh Rajib Hossain / Mr.Sabbir AhmedและMr.Jiaul Hossainสามผู้เสียหายชาวอินเดีย เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นของวันที่7กรกฎาคม2560ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ
ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่22กรกฎาคม2560เวลาประมาณ20.10น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สมุทรปราการ ได้รับแจ้งจาก นายมนดัล เอ็มดี จิซานุดดิน อายุ29ปี (Mr.Md Jishanuddin Mondal )สัญชาติอินเดีย ว่า นายเช็ค ราจีฟ ฮอสเซ็น (Mr.Shaikh Rajib )อายุ34ปี สัญชาติ อินเดีย ซึ่งเป็นวิศวะกรและเป็นพี่เขยของตนพร้อมด้วย นายเจียวล์ ฮอสเซ็น และนาย ซาเบีย อะฮาเหม็ด เพื่อนสัญชาติเดียวกัน ที่ได้เดินทางจากเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย ด้วยสายการบินเจ็ต แอร์แวย์ เที่ยวบินที่9W 060 มาลงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่7กรกฎาคม2560เวลาประมาณ18.00น. เพื่อมาขึ้นเครื่องเดินทางต่อไปทำงานที่ประเทศแคนนาดา โดยจะมีคนมารับที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนที่จะหายตัวไป และ ต่อมาในวันที่11กรกฎาคม2560เวลาประมาณ18.00น. (ของประเทศอินเดีย) ตนได้รับการติดต่อจากบุคคลไม่ทราบชื่อ ให้นำเงินจำนวน 1ล้าน5แสนบาทไทยโอนเข้าบัญชีของธนาคารแห่งหนึ่งในประเทศอินเดียตามที่คนร้ายได้ให้เลขบัญชีไว้ เพื่อแลกกับอิสสระภาพ ของนายเช็ค ราจีฟ ฮอสเซ็น (Mr.Shaikh Rajib)และพวก ตนจึงได้เดินทางมาขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สมุทรปราการ และตำรวจท่องเที่ยวประจำสนามบินสุวรรณภูมิ
หลังทราบข้อมูลจึงประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อขอดูภาพย้อนหลังจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ภายในอาคารผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ในวันที่นายเช็ค ราจีฟ ฮอสเซ็น ที่ถูกลักพาตัวเดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณ เพื่อเป็นแนวทางในการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุและช่วยเหลือผู้เสียหายทั้งหมดที่ถูกลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในอาคารผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ได้พบผู้ถูกลักพาตัวทั้งสาม เดินตามนาย อาลี ไซเอ็ด อาร์สัน (ทราบชื่อภายหลัง) ที่มารับภายในสนามบิน ก่อนพาเดินออกทางประตู4 ก่อนพากันขึ้นรถยนต์กระบะยี่ห้อ โตโยต้าสีดำ ทะเบียน กก595ฉะเชิงเทรา โดยมีคนร้ายอีกคนหนึ่งเป็นคนขับ ก่อนขับรถออกไป ซึ่งพฤติกรรมของผู้ต้องหาทั้งสาม กล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้ได้ทั้งหมด
จนกระทั่งวันที่29กรกฎาคม2560นายมนดัล เอ็มดี จิซานุดดิน (Mr.Md Jishanuddin Mondal)ญาติของผู้เสียหาย ได้เดินทางกลับมาที่ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อีกครั้ง พร้อมแจ้งว่า ได้รับการติดต่อจากนายเช็ค ราจีฟ ฮอสเซ็น (Mr.Shaikh Rajib )นักธุรกิจที่ถูกลักพาตัวไป ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายด้วยการใช้ไฟฟ้าช๊อต และทุบตีด้วยไม้เบสบอลและกระบอกเหล็ก เพื่อกดดันให้ทางญาติรีบโอนเงินค่าไถ่ให้ หลังจากกลุ่มผู้ก่อเหตุได้รับเงินจำนวนหนึ่งที่โอนเข้ามาในบัญชีแล้ว ผู้ก่อเหตุจึงได้พาพวกตนไปปล่อยไว้ที่ฝั่งประเทศกัมพูชา ห่างจากด่านตรวจคนเข้าเมืองคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ประมาณ500เมตร ก่อนที่ผู้เสียทั้ง3ได้รับความช่วยเหลือจาคนขับแท็กซี่ในประเทศกัมพูชา ได้ให้ผู้เสียใช้โทรศัพท์โทรไปหาญาติที่อินเดีย
เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวจึงได้เดินทางไปรับตัว นายเช็ค ราจีฟ ฮอสเซ็น (Mr.Shaikh Rajib)และเพื่อนที่ถูกลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ มาสอบปากคำที่โรงพัก สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สมุทรปราการ และจากการตรวจสอบทะเบียนรถยนต์กระบะที่เข้ามารับผู้เสียหายทั้งสาม ได้ทราบว่าเป็นของนายคาเดียร์ คาน โมฮัมเหม็ด ซึ่งประกอบธุรกิจซื้อขายรถซึ่งเปิดเป็นเต้นจำหน่ายรถมือสองชื่อร้าน จี มอเตอร์ ตั้งอยู่เลขที่214 / 32 -36หมู่6ต.บางละมุง อ.เมือง จ.ชลบุรี จึงได้นำกำลังเข้าทำการจับกุมตัว ผู้ต้องหาทั้ง3ได้ในขณะที่กบดาลอยู่ที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ ในย่านพัทยากลาง จังหวัดชลบุรี ก่อนควบคุมตัวมาทำการสอบสวนที่โรงพัก สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
จากการสอบสวนได้ทราบว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการอีก2คน ซึ่งอยู่ในประเทศอินเดีย ชื่อMr.Sanjay SinghและMr.Munnaที่เป็นนายหน้าอยู่ในประเทศอินเดีย ได้ชักชวนให้ผู้เสียหายทั้ง3เดินทางไปทำงานที่ประเทศแคนนาดา โดยต้องเดินทางมาต่อเครื่องที่ประเทศไทยก่อน ผู้เสียหายทั้งสามหลงเชื่อจึงเดินทางมาประเทศไทยเพื่อขึ้นเครื่องเดินทางต่อไปยังประเทศแคนนาดา โดยผู้ร่วมก่อเหตุทั้งหมดได้มีการวางแผนเอาไว้ก่อนแล้ว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันหน่วงเหนียวกักขัง ทำร้ายร่างกายโดยการทรมาน หรือทารุณโหดร้าย เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายกายหรือจิตใจ เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ปล้นทรัพย์และมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และซ่องโจร ก่อนคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะได้ทำการสอบสวนขยายผลติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป