ส่องหุ้น ‘ปันผลเด่น’ ทางเลือกลงทุนช่วงตลาดซึม

ส่องหุ้น ‘ปันผลเด่น’ ทางเลือกลงทุนช่วงตลาดซึม

ส่องหุ้น ‘ปันผลเด่น’ ทางเลือกลงทุนช่วงตลาดซึม

ช่วงนี้บริษัทจดทะเบียนยังคงอยู่ในช่วงของการประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ปี 2560 แต่ดูเหมือนว่างบการเงินของหลายบริษัทที่ทยอยประกาศออกมานั้นจะไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่ โดยเฉพาะในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ยังคงถูกกดดันจากการตั้งสำรองและหนี้เสียที่เพิ่มสูงขึ้น เช่น ธนาคารกรุงไทย (KTB) มีการตั้งสำรองหนี้ของ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) เต็มจำนวน 100% มูลค่ารวม 1.2 หมื่นล้านบาท หลังจากบริษัทได้มีการผิดนัดชำระหนี้

เช่นเดียวกับอีกหลายธนาคารที่ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ยังมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จึงส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของหลายแบงก์ลดลง

ส่วนอีกหนึ่งหุ้นใหญ่ที่มีสัดส่วนการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยมากที่สุด อย่างกลุ่มพลังงานก็ยังคงได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากปริมาณการผลิตน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นและค่าการกลั่นที่ลดลง ทำให้แนวโน้มผลกำไรประจำไตรมาสนี้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร

ซึ่งผลประกอบการที่ค่อนข้างอ่อนแอของหุ้น Big Cap นี้เอง ทำให้บรรดานักวิเคราะห์หลายบริษัทได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารและพลังงานลง จึงกดดันภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ โดยดัชนียังคงแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ ดังนั้น การลงทุนเพื่อเก็งกำไรผลประกอบการอาจทำได้ยาก เนื่องจากส่วนใหญ่ค่อนข้างทรงตัวและชะลอตัวลง ขณะที่ตลาดเองก็ยังคงไร้ปัจจัยใหม่เข้ามาขับเคลื่อน

อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าจะเหมาะสมกับตลาดในช่วงนี้ก็คือการลงทุนในหุ้นปันผล เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ โดยที่ผ่านมาหลายบริษัทแม้ว่าผลประกอบการจะปรับตัวลดลง แต่ก็ยังคงมีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลตามปกติ เช่น บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 3.51 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD วันที่ 7 ส.ค. และจ่ายจริง 25 ส.ค. นี้

บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ปันผลระหว่างกาล 1.50 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD 8 ส.ค. จ่ายจริง 25 ส.ค. เช่นเดียวกันกับ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ปันผลระหว่างกาล 8.50 บาทต่อหุ้น ขึ้นXD7 ส.ค. และจ่ายจริง 7 ส.ค. นี้

นักวิเคราะห์จากบล.ทรีนิตี้ มองว่า แม้ช่วงนี้จะอยู่ในช่วงของการประกาศผลประกอบการ แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นไตรมาสที่ไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ผลประกอบการชะลอตัวลงตามการตั้งสำรองและหนี้เสียที่เพิ่มสูงขึ้น ส่วนสินเชื่อในหลายกลุ่มก็ยังถูกกดดันจากภาวะเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน กำลังซื้อที่ลดลงได้ส่งผลกระทบไปถึงหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่ยอดขายลดลงแทบจะทุกบริษัท ด้านหุ้นกลุ่มพลังงานก็ถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ผันผวน ดังนั้น การเก็งกำไรเรื่องผลประกอบการจึงอาจจะไม่ค่อยน่าสนใจในช่วงนี้

อย่างไรก็ตาม มองว่านักลงทุนที่ไม่อยากถือเงินสดก็สามารถเลือกใช้กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นปันผลสูงในภาวะที่ตลาดหุ้นไทยยังคงไร้ปัจจัยใหม่ ผลประกอบการอ่อนแอ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรและเงินเฟ้อก็ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งการลงทุนในหุ้นปันผลจะช่วยลดความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ

โดยหุ้นปันผลที่แนะนำมีกลุ่มโรงไฟฟ้าได้แก่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า (EGCO), บริษัท โกลว์ พลังงาน (GLOW), บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) ซึ่งนอกจากจะจ่ายปันผลดีแล้ว ผลประกอบการยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง กำไรจากการดำเนินงานขยายตัวตามกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ มีอัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับต่ำ และไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจ

ส่วนหุ้นปันผลอีกหนึ่งกลุ่มที่น่าสนใจก็คือกลุ่มโรงกลั่นที่ราคาหุ้นสะท้อนเรื่องของการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันไปแล้ว ประเมินว่าผลประกอบการจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้และยังได้รับผลประโยชน์จากค่าการกลั่นที่เพิ่มสูงขึ้น แนะนำ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP), บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) และบริษัท ไทยออยล์ (TOP)

การลงทุนในหุ้นปันผลเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนหรือขาดปัจจัยใหม่ๆ ซึ่งที่ผ่านมาก็ถือว่าให้ผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอ โดยบริษัทที่มีการจ่ายเงินปันผลเป็นประจำสะท้อนถึงผลประกอบการที่มั่นคง ไม่ผันผวนไปตามภาวะเศรษฐกิจและเหตุการณ์รุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังมีการจัดสรรเงินลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีสภาพคล่องทางการเงินที่ดี มีกระแสเงินสดเพียงพอที่จะจ่ายเงินปันผลตอบแทนกลับคืนมาให้กับผู้ถือหุ้น