'นอมินี' ต่างชาติ ลดสัดส่วนหุ้นออริจิ้น

'นอมินี' ต่างชาติ ลดสัดส่วนหุ้นออริจิ้น

นอมินีต่างชาติ "ลดสัดส่วน" หุ้นออริจิ้น

จากสำรวจข้อมูลโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัทออริจิ้น จำกัด(มหาชน)ORI พบว่า นอมินีต่างชาติได้ลดสัดส่วนถือครองหุ้น ล่าสุดเดือน มิ.. 2560 N.C.B.TRUST LIMITED-NORGES BANK 11 ถือครองเพียง1.92%จากเดือนเม..2560  ถือครองสัดส่วน 2.27% สาเหตุของการลดการถือครองหุ้น อาจเกิดจากการที่บริษัทออริจิ้น มีการเพิ่มทุนขายหุ้นแบบเฉพาะเจาะจง(พีพี) และการจัดสรรหุ้นปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเดิม รวมทั้งอาจเชื่อมโยงได้ว่า กลุ่มนอมินีต่างชาติอาจขายหุ้นออกมาเพื่อทำกำไรในระหว่างเดือนเม.ย.2560 ถึงเดือนมิ.ย.2560

ทั้งนี้ หากพิจารณาข้อมูลการเคลื่อนไหวราคาหุ้นของออริจิ้นนั้น ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด 16 บาท ในวันที่ 14 มิ.ย.2560 ซึ่งเป็นราคานิวไฮ ทำให้อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนให้เกิดการขายหุ้น

อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทประกาศขายหุ้นบริษัทย่อย 4 บริษัท สัดส่วน 49% จากเดิมที่ถือหุ้น 100% ให้กับบริษัทโนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ (NRED) ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาฯญี่ปุ่นมูลค่ารวม 789 ล้านบาท ชำระค่าหุ้นภายในเดือนก.ย. 2560 และจะส่งผลให้บริษัทบันทึกกำไรจากการขายเงินลงทุนในงบไตรมาสที่ 3ปี2560 โดยบริษัทมีแผนพัฒนาโครงการร่วมกัน 4 โครงการมูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท จะเปิดขาย 3 โตรงการในไตรมาส3ปี2560 อีก 1 โครงการจะเปิดขายในปี 2561นั้น

จากการสำรวจนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ได้ประเมินผลกระทบของความร่วมมือในครั้งนี้ โดยส่วนใหญ่เชื่อว่า การร่วมทุนครั้งนี้ทำห้บริษัทสามารถกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ และบริษัทจะมีการรับรู้กำไรพิเศษจากเงินลงทุนครั้งนี้ น่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มได้ในอนาคต

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส(ประเทศไทย) มีความเห็นว่า ข้อดีคือหลังจากได้ NRED มาเป็นพันธมิตร ORI จะกระจายความเสี่ยงธุรกิจดีขึ้นได้ Know How การทำธุรกิจเพิ่ม มีส่วนครองตลาดสูงขึ้นในไทย และร่วมธุรกิจกันได้หลากหลายในอนาคต เพราะปัจจุบันบริษัทมีโครงการให้เช่า (recurring income) ด้วยอยู่ถึง 3 โครงการ ฝ่ายวิจัยเพียงปรับกำไรพิเศษปีนี้เพิ่ม ยังไม่ได้ปรับส่วนอื่น

ทั้งนี้ บริษัทออริจิ้น มีความน่าสนใจในประเด็นคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรที่สูง สำหรับในงวดไตรมาส 2ปี2560 ที่ใกล้ประกาศก็ออกมาสดใส เป็นแรงกระตุ้นได้ในระยะสั้น ส่วนระยะยาวหลังได้ PARK 24 มาคาดว่าอัตราการเติบโตกำไรสุทธิเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนสูงสุดในกลุ่มที่อยู่อาศัย ปี 2560,2561 และ2562 เป็น 174%/56%/24% ตามลำดับ และเป็นสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง นอกจากนี้ยอดขายรอโอน (Backlog) หลังรวม PARK 24 ณ ครึ่งปีแรกสูงถึง 2.53หมื่นล้านบาท ทำให้ประมาณการรายได้มีความมั่นคงสูงที่จะทำได้

ด้านบล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุว่า ฝ่ายวิจัยไม่ได้ Coverageหุ้นออริจิ้น แต่ คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2ปีนี้ จะดีขึ้น จากรายได้โครงการไนท์บริดจ์สกายซิตี้สะพานใหม่ ทั้งนี้ผู้บริหารเปิดเผยว่าในไตรมาส 3ปีนี้ จะเปิดตัวคอนโดมิเนียม 4 โครงการรวมมูลค่า 7.4 พันล้านบาทรวมทั้งบริษัทมี backlog รองรับการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องที่จะรับรู้ในปลายปี 2561-2562 ราวปีละ 5-6 พันล้านบาท

ขณะที่บล.โกลเบล็ก คาดว่า การร่วมทุนกับญี่ปุ่นครั้งนี้ จะส่งผลบวกต่อการเติบโตของยอดขายในอนาคตเนื่องจากการร่วมทุนช่วยให้พัฒนาโครงการได้จำนวนมากขึ้นจากมีผู้สนับสนุนด้านเงินทุน ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตสูงต่อเนื่อง สำหรับผลงานไตรมาส 2 ปี2560 มีแนวโน้มโตโดดทั้งงวดเดียวกันปีก่อน จากการเริ่มโอนโครงการ น็อตติ้งฮิลล์ ดิเอ็กคลูซีฟ เจริญกรุงร่วมกับโครงการไนท์บริดจ์ สกายซิตี้ สะพานใหม่ที่โอนต่อเนื่องจากไตรมาสที่แล้ว โดยผลประกอบการน่าจะโดดเด่นที่สุดในไตรมาส 4ปี2560 จากเริ่มโอนคอนโด Park 24 ที่มี backlog ราว 3 พันล้านบาท

ก่อนหน้านี้บริษัทประกาศซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดบริษัท พราวด์ เรสซิเดนซ์ จำกัด 10 ล้านหุ้น มูลค่าทั้งสิ้น 4,000 ล้านบาท เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความร่วมมือระยะยาวระหว่างกันในการพัฒนาคอนโดมิเนียม ให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนท์ของตลาด โดยการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัดของบริษัท พราวด์ เรสซิเดนซ์ จำกัด จำนวน 81,197,171 หุ้น มูลค่าทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5% ของทุนจดทะเบียน ให้แก่จรัสพิมพ์ ลิปตพัลลภ 56,838,020 หุ้น หรือราว 3.5% ของทุนจดทะเบียน ธงชัย บุศราพันธ์ 12,179,576 หุ้น คิดเป็น 0.75% และ นุ่น ทวีศรี 12,179,575 หุ้น คิดเป็น จำนวน 0.75%

การชำระราคาหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท พราวด์ เรสซิเดนซ์ 4,000 ล้านบาทนั้น มีแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินและเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท แบ่งเป็นการชำระด้วยตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 3,000 ล้านบาท อาวัลโดยธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทย แบ่งชำระเป็น 3 งวด โดยชำระงวดสุดท้ายในวันที่ 2 เม.ย. 2561 ขณะที่อีก 1,000 ล้านบาท จะชำระด้วยกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาส 2-4 ของปี 2560 รวมถึงรายได้จากโครงการแล้วเสร็จและทยอยโอนใหม่อีก 7 โครงการในปีนี้