ได้เวลาของ 520d Sport ซีรีย์ที่ไทยนิยม (คลิป)

BMW 520d Sport  2017 ประกอบในประเทศ รุ่นที่สี่จากตระกูลบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 โฉมใหม่ เป็นรถยนต์รุ่นแรกในเจนเนอเรชั่นนี้ที่ประกอบในประเทศ 520d คันนี้มาพร้อมกับความหรูหรา และขุมพลังดีเซลที่เปี่ยมด้วยพละกำลัง พร้อมบุคลิกสไตล์รถยนต์สปอร์ต

 

มร. สเตฟาน ทอยเชอร์ต ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู 520d Sport ยังเป็นรถยนต์อีกหนึ่งรุ่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่ประกอบในประเทศไทยจากโรงงานซึ่งมีศักยภาพการผลิตไม่เป็นรองใครของเราในจังหวัดระยอง จึงทำให้ลูกค้าชาวไทยสามารถเป็นเจ้าของยนตรกรรมแห่ง ‘ความปราดเปรียวอันภูมิฐาน’ จากรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 โฉมใหม่ได้ง่ายยิ่งขึ้น”

บีเอ็มดับเบิลยู 520d Sport มาพร้อมล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้วแบบ double-spoke ที่ส่งให้ BMW Individual high-gloss Shadow Line อวดโฉมเส้นสายที่ยกระดับความโฉบเฉี่ยวไปอีกขั้น ในขณะที่ไฟหน้า follow-me-homeและไฟ welcome lighting ให้ผู้ขับขี่สัมผัสได้ถึงความใส่ใจและบุคลิกภาพของรถยนต์ ตั้งแต่เริ่มจนจบการเดินทาง

ภายในตกแต่งด้วย fine-wood trim ในสี poplar grain grey พร้อมด้วย highlight trim finisher สีโครเมียมมุก ที่เข้าคู่อย่างสมมบูรณ์แบบกับพวงมาลัยและเบาะหนัง ในขณะที่ระบบ Gesture Control ที่เปิดตัวไปพร้อมกับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 ก่อนหน้านี้ ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา คู่กับหน้าจอ แสดงผลแบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว

ขุมพลังใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร ส่งกำลังสูงสุดที่ 140 กิโลวัตต์/190 แรงม้า พร้อมแรงบิด 400 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 7.5 วินาที เร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 235 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง มาคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 สปีด มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 20 กิโลเมตรต่อลิตร และมีอัตราการปล่อย CO2 เพียง 132 กรัมต่อกิโลเมตร

และยังออกโปรแกรมดึงดูดให้กลุ่มลูกค้ามีทางเลือกเพิ่มขึ้นอีก

โปรแกรมบำรุงรักษารถยนต์ BMW Services Inclusive และ MINI Service Inclusive รูปแบบใหม่ ที่ลูกค้าสามารถเลือกรับได้ตามความพอใจ

สำหรับโปรแกรม BMW Services Inclusive (BSI) และ MINI Service Inclusive (MSI) ครอบคลุมการดูแลบำรุงรักษารถยนต์ เช่น การเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง, การเปลี่ยนกรองอากาศภายใน, การเปลี่ยนหัวเทียน, กรเปลี่ยนผ้าเบรกและจานเบรก, การตรวจสอบรถยนต์, การซ่อมแซมและเปลี่ยนชิ้นส่วนอุปกรณ์อะไหล่แท้ รวมถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ Mobility Service ระยะเวลา 5 ปีสำหรับทุกแพ็คเกจ โดยจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2560 เป็นต้นไป

ลิงค์บทสัมภาษณ์ คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย  

https://www.youtube.com/watch?v=Krjvd5vOZaM

โปรแกรมรูปแบบใหม่จะเริ่มให้บริการโดยผู้จำหน่ายรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2560 เป็นต้นไป