คาดครม.ถกสถานการณ์อุทกภัย-ร่างพ.ร.บ.ผู้สูงอายุ

คาดครม.ถกสถานการณ์อุทกภัย-ร่างพ.ร.บ.ผู้สูงอายุ

ที่ประชุมครม.วันนี้ ถกสถานการณ์อุทกภัย และการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ และพิจารณาร่างพ.ร.บ.ผู้สูงอายุ

วันนี้(1ส.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ ประเด็นหลักที่จะหยิบยกมาหารือกันคือการติดตามสถานการณ์อุทกภัย และการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ ตามหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือ ของคณะกรรมการกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย ทั้งความเสียหายแก่ชีวิต และที่อยู่อาศัย พร้อมทั้งกำชับให้รัฐมนตรีแบ่งเวลาลงพื้นที่น้ำท่วม เพื่อช่วยเหลือประชาชน

ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะเสนอชื่อพล.อ.วัลลภ รักเสนาะ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกลาโหม โอนย้ายมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ภายหลังได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาสมช. เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ที่ประชุมครม.เตรียมพิจารณาร่างพ.ร.บ.ผู้สูงอายุ โดยจะนำภาษีสรรพสามิตของสินค้า สุรา และ ยาสูบ เป็นรายได้ของกองทุนผู้สูงอายุ ในอัตราร้อยละ 2 ของภาษีที่จัดเก็บ โดยกำหนดเพดานไว้ไม่เกิน 4,000 ล้านบาท ในแต่ละปีงบประมาณ เพื่อกำหนดเบี้ยยังชีพรายเดือน สำหรับผู้สูงอายุ เป็นแบบขั้นบันได อายุ 60-69 ปีได้รับ 600 บาท อายุ 70-79 ได้รับ 700 บาท อายุ 80-89 ปี ได้รับ 800 บาท และ อายุ 90 ปีขึ้นไป ได้รับ 1,000 บาท

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เสนอร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคล กับประโยชน์ส่วนรวม ที่มีสาระสำคัญ เช่น ห้ามเจ้าหน้าที่รัฐ และ ญาติ รับของขวัญ ของที่ระลึก เงินทรัพย์สิน หรือ ประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ ที่มีผู้มอบให้เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติงานตามตำแหน่งหน้าที่ หากรับไว้ ต้องรายงาน และส่งมอบสิ่งนั้น ให้ตกเป็นของหน่วยงานรัฐต้นสังกัด โดยจะใช้บังคับกับเจ้าหน้าที่รัฐทั้งหมด รวมถึงผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่น นายกรัฐมนตรี สส. สว. ผู้บริหารท้องถิ่น ตลอดจนคู่สมรส และ บุตรของเจ้าหน้าที่รัฐทั้งตามพฤตินัย และ นิตินัย รวมทั้ง บุพการี บุตรบุญธรรม พี่น้องร่วมบิดา มารดา หรือ พี่น้องร่วมบิดา หรือ ร่วมมารดาเดียวกันด้วย

กระทรวงคมนาคม เสนอโครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าเพื่อรองรับการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ระยะที่ 2 วงเงิน 4,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินการก่อสร้างสถานีไฟฟ้า ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย นครพนม กาญจนบุรี และ นราธิวาส