ประมูลขายหุ้น ‘ไอเฟค’ ล่ม

ประมูลขายหุ้น ‘ไอเฟค’ ล่ม

ประมูลขายหุ้นไอเฟค "ล่ม" โบรกลุ้นเปิดใหม่อีกรอบ

เรียกได้ว่าเป็นไปตามคาดกับการเปิดประมูลขายทอดตลาดหุ้น บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC ในส่วนของนายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ประธานกรรมการ ที่ได้มีการนำหุ้นไปจดจำนำและใช้เป็นหลักประกันตามสัญญากู้ยืมเงินกับทางบริษัทหลักทรัพย์ 3 แห่ง ได้แก่ บล.เคทีบี (ประเทศไทย), บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) และบล.ทรินีตี้ จำนวนทั้งหมด 57.88 ล้านหุ้น ที่ราคาขั้นต้น 3.10 บาทต่อหุ้น

หลังจากเมื่อวานนี้ได้มีการเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้ามาลงทะเบียนเพื่อสู้ราคาตั้งแต่เวลา 09.00 น. ณ ห้องสโรชา ชั้น 3 โรงแรมอโนมา กรุงเทพฯ แต่ปรากฏว่าเมื่อเวลาผ่านไปแล้วกว่า 2 ชั่วโมง ยังคงไร้เงาผู้ที่สนใจเข้าร่วมประมูล จนในที่สุดทางผู้จัดงานจึงได้ตัดสินใจยกเลิกการประมูลเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ซึ่งถือเร็วกว่ากำหนดการเดิมที่ตั้งไว้ตอน 12.00 น.

สำหรับบรรยากาศการประมูลเมื่อวานนี้มีตัวแทนจากหลายฝ่ายเข้าร่วมงานไม่ว่าจะเป็นทีมกฎหมายของนายวิชัย, กลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย รวมถึงตัวแทนจากทางโบรกเกอร์ ที่เข้ามาร่วมสังเกตการณ์ โดยทางตัวแทนและทีมกฎหมายของนายวิชัย บอกว่า วันนี้ได้มายื่นเอกสารเพื่อขอคัดค้านการเปิดประมูลขายทอดตลาดหุ้น IFEC เพราะเป็นการขายทอดตลาดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่มีสิทธิที่จะกระทำได้เนื่องจากสัญญากู้เงินเพื่อการซื้อหลักทรัพย์เป็นสัญญาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและหลักประกันดังกล่าวบริษัทก็ยังไม่ได้มีการฟ้องร้องเพื่อบังคับจำนำ

นอกจากนี้ในส่วนของหุ้น IFEC ปัจจุบันก็ยังถูกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยขึ้นเครื่องหมายห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ (SP) รวมทั้งยังมีเรื่องของคดีความที่อยู่ระหว่างการฟ้องร้องและคดีก็ยังไม่ถึงที่สิ้นสุด

โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา ทางทีมกฎหมายได้ไปยื่นฟ้องเพิกถอนสัญญาเงินกู้เพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์และการบังคับจำนำและหลักทรัพย์ค้ำประกันไม่ชอบด้วยกฎหมายละเมิดโดยคำขอให้ระงับ/ห้าม/เพิกถอนการประกาศขายทอดตลาดซึ่งทางศาลแพ่งกรุงเทพใต้ก็ได้รับฟ้องไว้แล้วและจะมีการนัดไต่สวนในวันที่ 31 ต.ค.2560

เช่นเดียวกันกับทางตัวแทนกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ไม่เห็นด้วยกับการเปิดประมูลขายหุ้นทอดตลาดในครั้งนี้ เนื่องจากมองว่าศาลฯได้มีการรับฟ้องการยื่นเพิกถอนสัญญาเงินกู้ฯไปแล้ว ดังนั้นควรที่จะรอการพิจารณาของศาลก่อนไม่ควรที่จะนำหุ้นออกมาขายในตอนนี้ และยังกังวลว่าหากการประมูลขายทอดตลาดสำเร็จก็จะยังผลกระทบโดยตรงกลับกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย เนื่องจากจะเป็นการชี้นำราคา อย่างเช่นหากได้ราคาต่ำก็จะทำให้มูลค่าของหุ้นนั้นลดลงไปอีก และหากมีการปลดเครื่องหมาย SP ก็อาจจะมีแรงเทขายหุ้นออกมาอีกเช่นกัน

สำหรับกลุ่มผู้ถือหุ้นที่มาร่วมงานในครั้งนี้ส่วนใหญ่ยังคงเชื่อมั่นในตัวของนายวิชัยว่าจะสามารถแก้ปัญหาคดีความต่างๆ ได้ และพร้อมที่จะให้ความสนับสนุน โดยมองว่าปัญหาสำคัญที่สุดซึ่งต้องเร่งแก้ไขตอนนี้เลยก็คือเรื่องของคดีความข้อขัดแย้งต่างๆ ซึ่งถ้าสามารถหาข้อยุติได้เร็วเท่าไหร่บริษัทก็จะได้กลับมาดำเนินธุรกิจอีกครั้ง ซึ่งเมื่อดูจากพื้นฐานก็จะเห็นได้ว่าบริษัทยังคงมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน ส่วนหุ้นก็จะสามารถกลับมาซื้อขายได้ตามปกติหลังจากถูกขึ้นเครื่องหมาย SP มาแล้วเกือบ 7 เดือน ซึ่งส่งผลกระทบต่อนักลงทุนรายย่อยที่มีอยู่มากกว่า 30,000 รายเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ หลังจากมีการประกาศยกเลิกการเปิดประมูลขายทอดตลาดแล้วทางประธานเจ้าหน้าที่บริหารของทางบล.ทรีนีตี้ ออกมาบอกว่าคงจะต้องกลับไปหารือกับทางบล. เคทีบี (ประเทศไทย) และบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ว่าจะเดินหน้าจัดการประมูลครั้งต่อไปหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นถ้าจะมีการเปิดประมูลใหม่ก็คงจะเกิดขึ้นภายใน 1 สัปดาห์

ด้านราคาตั้งต้นที่กำหนดไว้ 3.10 บาท ก็สามารถที่จะปรับขึ้นลงได้ตามความเหมาะสม แต่ส่วนตัวก็มองว่าเมื่อราคาเหมาะสมก็คงจะมีผู้ที่สนใจเข้ามาร่วมประมูลแน่นอน อย่างราคาตั้งต้นที่ 3.10 บาท ก็เป็นราคาที่ครอบคลุมต้นทุนของทั้ง 3 โบรกฯ และก็เป็นสิทธิที่โบรกเกอร์ทั้ง 3 รายจะนำหุ้นของ IFEC ออกมาขายทอดตลาดยืนยันว่าทุกอย่างนั้นถูกต้องเป็นไปตามหลักกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ส่วนการพูดคุยกับทางนายวิชัย ที่ผ่านมาก็มีการติดต่อพูดคุยกันตามปกติในฐานะลูกหนี้ และได้มีการแจ้งกับนายวิชัยไปแล้วว่าจะมีการนำหุ้นออกมาขายทอดตลาด ซึ่งการที่นายวิชัยได้มีการยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งฯเพื่อคัดค้านการประมูลนั้นก็ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่สามารถกระทำได้

สุดท้ายแล้วคงต้องรอติดตามว่าทางออกเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร จะมีการนำหุ้นกลับมาเปิดประมูลขายทอดตลาดอีกครั้งหรือไม่ และถ้าเกิดขึ้นจะเป็นเมื่อไหร่ รวมทั้งคดีความต่างๆ ที่ยังคงอยู่ในชั้นศาลซึ่งหากมีความชัดเจนก็น่าจะทำให้บรรดาผู้ถือหุ้นรายย่อยโล่งใจไปได้บ้าง