GLOW - ถือ

GLOW - ถือ

กำไรหลังหักภาษีไตรมาส 2/60 เป็นไปตามคาดกำไรไตรมาส 3/60 คาดปรับตัวลดลง QoQ

เป็นไปตามคาด

GLOW รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/60 ที่ 2,830 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3 YoY% และ 49% QoQ หากไม่รวมกำไรจากรายการพิเศษ 346 ล้านบาท ในไตรมาส 2/60 กำไรหลักจะอยู่ที่ 2,483 ล้านบาท หรือลดลง 9% YoY แต่เพิ่มขึ้น 66% QoQ ซึ่งกำไรหลักใกล้เคียงกับที่เราคำนวณ แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 2,685 ล้านบาท อยู่ 8%

ประเด็นหลักผลประกอบการ

รายได้จากการขายไฟฟ้าลดลง 2% YoY แต่เพิ่มขึ้น 18% QoQ โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลให้กำไรต่อปีหดตัวคืออัตราค่าไฟฟ้าที่ลดลง ส่วนกำไรที่เพิ่มขึ้น QoQ นั้นหนุนโดยยอดขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นหลังมีการปิดซ่อมบำรุงโรงงานในไตรมาส 1/60 และค่า Ft ที่ปรับเพิ่มตั้งแต่เดือน พ.ค.

เนื่องจากไม่มีอัตรากำไรพิเศษในค่าพลังงานไฟฟ้า (EP) ณ โรงไฟฟ้า

GHECO-One (โรงไฟฟ้า IPP ขนาด 660 เมกะวัตต์ บริษัทถือครอง 65%) อัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 2/60 อยู่ที่ 29.9% ลดลงเล็กน้อยจาก 30.5% ในไตรมาส 2/59 ( แต่เพิ่มขึ้น 22.5% ในไตรมาส 1/30 เนื่องจากผลกระทบจากอัตราค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น) ส่วนอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 20.9% เพิ่มขึ้นจาก 19.9% ในไตรมาส 2/59 และ 16.5% ในไตรมาส 1/60 อัตรากำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น YoY นั้นมีปัจจัยจากค่าชดเชยประกันจากการหยุดซ่อมบำรุงจากโรงไฟฟ้า GHECO-One ในไตรมาส 2/60 ขณะที่อัตรากำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น QoQหนุนโดยผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น

แนวโน้ม

เราคาดการณ์กำไรไตรมาส 3/60 อยู่ที่ 2,238 ล้านบาท ทรงตัว YoY แต่ลดลง 26% QoQ โดยเราคาดว่าส่วนแบ่งกำไรโครงการเขื่อนฮ้วยเฮาะในประเทศลาวที่ปรับเพิ่มขึ้น (โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำขนาด 152 เมกะวัตต์ บริษัทถือครอง 67.25%) จะมีน้ำหนักใกล้เคียงกับอัตราค่าไฟฟ้าในโรงไฟฟ้า IPP อื่นๆ ที่ลดลง YoY ทั้งนี้เราคาดว่า กำไร QoQ จะปรับตัวลดลง ตามฤดูกาล

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

กำไรหลักในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 คิดเป็นสัดส่วน 45% ของประมาณการปี 2560 ของเราที่ 8,801 ล้านบาท โดยเราคาดว่ากำไรมีแนวโน้มปรับตัวลดลง HoH ในช่วงครึ่งหลังของปี ตามฤดูกาล เราจึงมองว่าประมาณการกำไรของเรามีความเสี่ยงปรับลดลง หากแต่เรายังคงรอการเข้าประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 10 ส.ค. เพื่อรอข้อมูลที่ชัดเจนก่อนพิจารณาปรับเปลี่ยนประมาณการและราคาเป้าหมาย

คำแนะนำ

แนวโน้มกำไรปี 2560 ของ GLOW ที่ลดลง ไม่ใช่เรื่องใหม่ต่อตลาด ราคาหุ้น ณ วันที่ 27 มิ.ย. อยู่ที่ 79.50 บาท เทียบเท่าค่า PER ที่ 13.3 เท่าสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 13.4 เท่า เราจึงมองตลาดได้สะท้อนกำไรสุทธิที่อ่อนตัวเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้หากเราสันนิษฐานอัตราเงินปันผลต่อหุ้นทรงตัวอยู่ที่ 1.46 บาทต่อหุ้นสำหรับการดำเนินงานช่วงครึ่งแรกของปี 2560 อัตราตอบแทนเงินปันผลจะอยู่ที่ 1.83% ซึ่งสูงเมื่อเทียบกับกลุ่ม(ดู Figure 2) ส่งผลให้เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” จากแนวโน้มเงินปันผลที่น่าพอใจ