'พลังงาน' ยันลอยตัวแอลพีจีไม่กระทบปชช.

'พลังงาน' ยันลอยตัวแอลพีจีไม่กระทบปชช.

"อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน" ยันลอยตัว "แอลพีจี" 1 ส.ค.จะไม่กระทบผู้บริโภค มองราคาแอลพีจีตลาดโลกครึ่งปีหลัง จะยังคงทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงปัจจุบัน

นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า ในวันนี้ 3 จะเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบแนวทางการลอยตัวราคาก๊าชปิโตรเลียมเหลว หรือ แอลพีจีทั้งระบบ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2560 โดยยืนยันจะไม่ส่งผลกระทบกับผู้บริโภค เพราะเป็นการปรับราคาให้สอดคล้องกับกลไกตลาดเช่นเดียวกับราคาน้ำมัน และจะไม่ทำให้ปริมาณการใช้แอลพีจีในทุกภาคส่วนปรับลดลง โดยปัจจุบัน การใช้แอลพีจีในภาคขนส่ง อยู่ที่ 130,000 ตันต่อเดือน ภาคครัวเรือน 150,000-170,000 ตันต่อเดือน และภาคอุตสาหกรรม 7,000 ตันต่อเดือน

นอกจากนี้ กพช. จะพิจารณาแนวทางการปลดล็อคมติคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. เดิม ที่เคยกำหนดค่าใช้จ่ายคลังก๊าซแอลพีจีและท่อก๊าซของบริษัท ปตท. ที่คลังเขาบ่อยา จ.ชลบุรี เพื่อเปิดทางให้ผู้ค้าแอลพีจีรายอื่น สามารถเข้าใช้คลังแอลพีจีของ ปตท. ได้ รองรับการเปิดเสรีนำเข้าและส่งออกแอลพีจี ก่อนเสนอ ครม.พิจารณาพร้อมประกาศเงื่อนไขการใช้คลังก๊าซแอลพีจีของ ปตท. อย่างเป็นทางการ ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า

ส่วนแนวโน้มราคาแอลพีจีในตลาดโลกช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะยังคงทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปัจจุบัน โดยราคาประกาศ ณ เดือนกรกฎาคม 2560 อยู่ที่ 355 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เพราะปริมาณความต้องการใช้ในตลาดโลกขณะนี้ยังไม่สูงมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงฤดูหนาว อาจทำให้ราคาในช่วงนั้นปรับสูงขึ้นบ้าง ส่งผลให้ราคาแอลพีจีในประเทศไม่รวมค่าการตลาดช่วงครึ่งปีหลัง จะเฉลี่ยอยู่ที่ 20.49 บาทต่อกิโลกรัม

อย่างไรก็ตาม หากราคาแอลพีจีตลาดโลกปรับสูงขึ้นผิดปกติ กรมธุรกิจพลังงาน ก็มีมาตรการดูแล ด้วยการนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง บัญชีแอลพีจีเข้าไปดูแล ซึ่ง ณ วันที่ 2 กรกฎาคม กองทุนน้ำมันฯ อยู่ที่ 39,669 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชี 6,448 ล้านบาท และบัญชีน้ำมันสำเร็จรูป 33,221 ล้านบาท

ปัจจุบัน ประเทศไทยนำเข้าแอลพีจี ประมาณ 30,000-40,000 ตันต่อเดือน โดยช่วงครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน) ปริมาณการใช้แอลพีจี อยู่ที่ 3,007 ล้านกิโลกรัม